บรรยายสรุป balance sheet bm 602 การจัดการการเง...
TRANSCRIPT
1
บรรยายสรุป
BM 602 การจัดการการเงิน
รศ. พูนศกัดิ์ แสงสนัต
081-625-2182
BALANCE SHEET
ASSETS
Current Assets
Fixed Assets
LIAB. & EQUITY
Debt
Equity:Com. Stocks
Retained Earnings
BALANCE SHEET
ASSETS
Current Assets
Fixed Assets
LIAB. & EQUITY
Debt (II)
Equity: Com. Stocks (I)
Retained Earnings(III)
BALANCE SHEET
ASSETSCurrent Assets
Fixed Assets
Uses of Funds
LIAB. & EQUITYDebtEquity:
Com. StocksRetained Earnings
Sources of Funds
2
BALANCE SHEETInvesting <------------------ Financing
ASSETSCurrent Assets
Fixed Assets
Uses of Funds
LIAB. & EQUITYDebtEquity:
Com. StocksRetained Earnings
Sources of Funds
------------ Managing ------------
BALANCE SHEETFinancing
LIAB. & EQUITYDebt (II) ------------------> Interest
Equity: ------------------ DividendCom. Stocks (I) &Retained Earnings (III) Capital Gains
Sources of Funds
Managing
BALANCE SHEETFinancing
LIAB. & EQUITYDebt (II) ------------------> Interest
Equity: ------------------ DividendCom. Stocks (I) &Retained Earnings (III) Capital Gains
Sources of Funds : WACC & CAPITAL STRUCTURE
Managing
BALANCE SHEETInvesting
ASSETSCurrent Assets ------- Liquidity & Profitability
Fixed Assets ------ Fixed Assets Turnover------ Payback, DPB------ NPV, IRR, MIRR
Uses of Funds
Managing
3
BALANCE SHEETInvesting
ASSETSCurrent Assets ------- Liquidity & Profitability
Fixed Assets ------ Fixed Assets Turnover------ Payback, DPB------ NPV, IRR, MIRR
Uses of Funds: RISK $ RATES OF RETURN
Managing
1 - 1
Responsibility of the Financial Staff
หนาที่และความรับผิดชอบของฝายการเงิน
• Maximize stock value by: ทําใหมูลคาหุนสูงสุด
– Forecasting and planning (การพยากรณและการวางแผน)
– Investment and financing decisions (การตัดสินใจลงทุนและ การจัดหาเงินทุน)
– Coordination and control (การประสานงานและการควบคุม)
– Transactions in the financial markets (การติดตอกับตลาดการเงิน)
– Managing risk (การจัดการความเสี่ยง)
1 - 5Financial Management Issues of the New Millennium
การจัดการการเงินของรอบสหัสวรรษใหม
• The effect of changing technology(ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลย)ี
• The globalization of business(ธุรกิจที่อยูบนโลกเดียวกัน)
1 - 7
4
ผลกระทบของการ
เปลี่ยนแปลงทางธุรกิจจาก
การใชคอมพิวเตอร +
การโอนขอมลูผานทาง
อิเลคทรอนิค และ
โลกาภิวัฒนทางธุรกิจ
ลงทุนมาก
การขยายตลาด
การลดตนทุน
เพิ่มการแขงขัน
ในทองถิ่น
การจัดการการเงินของรอบสหัสวรรษใหม
1 - 8
วัตถุประสงคของบริษัท (Goals of the Corporation) วัตถุประสงคของบริษัท (Goals of the Corporation)
คือคือ
“ผูถือหุนมีความมั่งคั่งสูงสุด”(Stockholder wealth maximization)
หมายถึงหมายถึง
“ ทําใหราคาหุนสามัญของกิจการสูงสุด”(Maximizing the price of the firm’s common stock)
1 - 15
Financial Goals of the Corporation
วัตถุประสงคทางการเงินของบริษัท
• The primary financial goal is shareholder wealth maximization,which translates to maximizing stock price.
(จุดมุงหมายหลักทางการเงิน คือ ความมั่งคั่ง ของผูถือหุน หมายถึง การทําใหราคาหุนของ บริษัทสูงสุด)
1 - 16Business Ethics
จริยธรรมทางธุรกิจ
Ethics หมายถึง ทัศนคติและการปฏิบัติตอบุคคลที่
เกี่ยวของดวยความซื่อสัตยและยุติธรรม เชน ผลิตสินคา
คุณภาพดี ผูบริโภคมีความปลอดภัย ปฏิบัติตอพนักงานดวย
ความเปนธรรม ทั้งนี้ ผูบริหารทั้งหลายเชื่อวา “จริยธรรมมีความสัมพันธทางบวก (Positive Correlation) กับความ
สามารถในการทํากําไรในระยะยาว”
1 - 20
5
Factors that affect stock price.
ปจจัยที่มีผลกระทบตอราคาหุน
• Projected cash flows to shareholders (ประมาณการกระแสเงินสดที่ ผูถือหุนจะไดรับ)
• Timing of the cash flow stream (ชวงเวลาที่ไดรับกระแสเงินสด)
Riskiness of the cash flows (ความเสี่ยงของกระแสเงินสด)
1 - 31 Basic Valuation Model
ตัวแบบการประเมินมูลคาเบื้องตน
• To estimate an asset’s value, one estimates the cash flow for each period t (CFt), the life of the asset (n),and the appropriate discount rate (k)การประเมินมูลคาของสินทรัพยใด ๆ จะตองประเมิน กระแสเงินสดในแตละงวดเวลา t (CFt), อายุของสินทรัพย (n), และอัตราสวนลดที่เหมาะสม (k)
∑= +
=
+++
++
+=
n
1tt
t
nn
22
11
.k)(1
CF
k)(1CF
k)(1CF
k)(1CF
Value Λ
1 - 32
Factors that Affect the Level and Riskiness of Cash Flows
ปจจัยที่กระทบตอระดับและความเสี่ยงของกระแสเงินสด
• Decisions made by financial managers:
(การตัดสินใจของผูจัดการการเงิน)
– Investment decisions (การตัดสินใจลงทุน)
– Financing decisions (the relative use of debt financing)
การตัดสินใจจัดหาเงินทุน (ความสัมพันธในการจัดหาเงินทุน
จากหนี้สิน)
– Dividend policy decisions (การตัดสินใจในนโยบายเงินปนผล)
• The external environment (สภาพแวดลอมภายนอก)
1 - 33
1. ขอกฎหมายตางๆ
2. ภาวะเศรษฐกิจ
3. กฎหมายภาษีอากร
4. ภาวะของตลาดหลักทรัพย
1 - 34
6
2 - 2 รายงานประจําป
The Annual Report
• Balance sheet – งบดุล คือ งบแสดงฐานะการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่ง
• Income statement – งบกําไรขาดทุน คือ งบที่แสดงผลการดําเนินงานของกิจการสําหรับงวดเวลาหนึ่ง
• Statement of retained earnings – งบกําไรสะสม คือ งบที่แสดงกําไรหรือขาดทุนสะสมของกิจการตั้งแตเริ่มดําเนินงานจนถึงปจจุบัน
• Statement of cash flows – งบกระแสเงินสด คือ งบที่แสดงวาในชวงระยะเวลาหนึ่งกิจการไดเงินสดมาจากแหลงใดและใชเงินสดไปอยางไร
2 - 4
Economic Value Added (EVA)
การเพิ่มมูลคาทางเศรษฐกิจ
(การพิจารณาประสิทธิภาพผูบริหารในงวดเวลาหนึ่ง)
2 - 30
(EVA) = NOPAT – After-tax ($) Cost
of Capital
เทากับ
Operating After - tax %
capital cost of capitalNOPAT
2 - 31
กําไรสวนที่เหลือหลังจากหักตนทุนของเงินทุนแลว
(ตนทุนของหนี้สินและตนทุนของผูเปนเจาของ)
7
MVA =
Market
value
of equity
Equity capital
supplied by investors
MVA =ราคาตลาด จํานวน
ตอหุน หุนสามัญ
สวนของ
ผูถือหุน
สามัญ
2 - 34 3 - 2
1. การวิเคราะหอัตราสวน 1. การวิเคราะหอัตราสวน
อัตราสวนทางการเงิน
การวิเคราะหอัตราสวนการวิเคราะหอัตราสวน
เปนการเปรียบเทียบเพื่อใหเห็น
สัดสวนของตัวเลขตางๆ ใน
งบการเงิน เชน การนําหนี้สิน
มาเปรียบเทียบกับสินทรัพย
การเปรียบเทียบนี้ เรียกวา
3 - 5
1. เปนตัวเลขที่เปนมาตรฐานชวยในการเปรียบเทียบ
2. นํามาใชเพื่อชี้ใหเห็นจุดเดน และจุดดอยของกิจการ
3 - 6
8
ถามถาม อัตราสวนแบงไดกี่กลุม แตละกลุมตอบคําถามอะไรบาง ?
ตอบตอบ แบงเปน 5 กลุม คือ
1. สภาพคลอง (Liquidity)
2. ประสิทธิภาพการใชสินทรัพย (Asset Management)
3. การบริหารหนี้สิน (Debt Management)
4. ความสามารถในการทํากําไร (Profitability)
5. ประเมินผลธุรกิจโดยรวม (Market Value)
3 - 7
1.1. Liquidity ความสามารถในการชําระ
หนี้สินระยะสั้นที่ครบกําหนด
2.2. Asset Management ประสิทธิภาพในการใช
สินทรัพย (amount of
assets vs. sales)
3.3. Debt Management การลงทุนในสินทรัพยทั้งสิ้น
ไดเงินทุนจากหนี้สินเพียงไร
3 - 8
4.4. Profitability วัดประสิทธิภาพการบริหารงาน
วาบรรลุตามเปาหมาย
หรือไม ซึ่งพิจารณาจาก
อัตราสวน PM, ROE และROA
5.5. Market Value ผูลงทุนคิดวากจิการเปน
อยางไร ซึง่พจิารณาจาก
อัตราสวน P/E และ M/B
3 - 92. อัตราสวนสภาพคลอง2. อัตราสวนสภาพคลอง
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 4.2
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 2.1
1. อัตราสวนหมุนเวียน (Current ratio)
สินทรัพยหมุนเวียน
หนี้สินหมุนเวียน=
2. อัตราสวนหมุนเร็ว (Quick or Acid test ratio)
สินทรัพยหมุนเวียน - สินคาคงเหลือ
หนี้สินหมุนเวียน=
บริษัท อัลไลดฯ = 1,000310
= 3.2
บริษัท อัลไลดฯ = 385310
= 1.2
3 - 15
9
3. อัตราสวนประสิทธิภาพการใชสินทรัพย3. อัตราสวนประสิทธิภาพการใชสินทรัพย
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 9. 0 ครั้ง
1. อัตราการหมนุของสินคา
(Inventory turnover ratio)
ยอดขายสินคาคงเหลอื
=
บริษัท อัลไลดฯ = 3,000615
= 4.9 ครั้ง
3 - 17
ขอสังเกต : อัตราการหมุนของสินคาขอสังเกต : อัตราการหมุนของสินคา
อัตราการหมุนของสินคาต่ํากวาคาเฉลี่ย
ของอุตสาหกรรม
ควรตรวจสอบวาเหตุใดจงึมีสินคาคงเหลอืมากเกินไป
คุณภาพและการบริหารสินคามีประสิทธิภาพหรอืไม
3 - 18
บริษัท อัลไลดฯ = 375
3,000 / 365
=375
8.2192= 46 วัน
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 36 วัน
2. ระยะเวลาในการเก็บหนี้ถัวเฉลี่ย(DSO = Days sales outstanding)
ลูกหนี้การคา
ยอดขายเฉลี่ยตอวัน
ลูกหนี้การคา
ยอดขายตอป/365==
3 - 19
ขอสังเกต : DSOขอสังเกต : DSO
บริษัท อัลไลด ฯ เก็บเงินจากลูกหนี้ไดชากวา
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
บริษัทควรพิจารณานโยบาย
การขายเชื่อและระยะเวลา
ในการใหเครดิตแกลูกคา
3 - 20
10
3. อัตราการหมนุของสินทรัพยถาวร(Fixed assets turnover ratio)
ยอดขาย
สินทรัพยถาวรสทุธิ=
บริษัท อัลไลดฯ = 3,0001,000
= 3.0 ครั้ง
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 3.0 ครั้ง
4. อัตราการหมนุของสินทรัพยทั้งสิ้น (Total assets turnover ratio)
=ยอดขาย
สินทรัพยทั้งสิ้น
= 3,0002,000
= 1.5 ครั้งบริษัท อัลไลดฯ
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 1.8 ครั้ง
3 - 21ขอสังเกต : อัตราการหมุนของ FA และ TAขอสังเกต : อัตราการหมุนของ FA และ TA
บริษัท อัลไลด ฯ คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
3. 0 x 3. 0 xFA TO
TA TO 1. 5 x 1. 8 x
อัตราการหมุนของสินทรัพยถาวรเทากับ
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรมแตอัตราการหมุนของสินทรพัยทั้งสิ้นต่ํากวา
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรมเล็กนอย ซึ่งสาเหตุ
มาจากมีลูกหนี้และสินคาคงเหลือมาก
3 - 22
ขอควรพิจารณาในการจัดหาเงินโดยการกูยืม
1. ผูถือหุนมีอาํนาจในการควบคมุกิจการคงเดิม
โดยไมตองลงทุนเพิ่ม
2. การกูเงินเพิ่มขึ้นความเสี่ยงของเจาหนี้จะเพิ่มขึ้น
3. (กําไร - ดอกเบี้ยจาย) เปนของผูถือหุน
ดอกเบี้ยจายไมเพิ่มขึ้น
4. อัตราสวนการบริหารหนี้สิน4. อัตราสวนการบริหารหนี้สิน3 - 23
บริษัท อัลไลดฯ = 310 + 7542,000
= 1,0642,000
= 53.2 %
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 40.0 %
2. Time - interest - earned (TIE) = EBIT
ดอกเบี้ยจายบริษัท อัลไลดฯ 283.8
88= = 3.2 เทา
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 6.0 เทา
1. อัตราสวนหนี้สิน(Debt ratio)
หนี้สินทั้งสิ้น
สินทรัพยทั้งสิ้น=
3 - 28
11
3. EBITDA Coverage Ratio คือ อัตราสวนแสดงวากิจการมีกระแส
เงินสดพอที่จะชําระคาใชจายประจําทางการเงินไดเพียงไร
EBITDA coverage ratio EBITDA + Lease payments
Interest + Loan repayments + Lease payments=
411.8
136
=บริษัท อัลไลดฯ283.8 + 100 + 28
88 + 20 + 28
= = 3.0 เทา
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 4.3 เทา
3 - 29ขอสังเกต : อัตราสวนการบริหารหนี้สินขอสังเกต : อัตราสวนการบริหารหนี้สิน
บริษัท อัลไลดฯ คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
D/A
TIE
EBITDA
coverage
53.2 %
3.2 x
3.0 x
40.0 %
6.0 x
4.3 x
บริษัท อัลไลดฯ มีหนี้สินสูงกวา
คาเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
3 - 30
ความสามารถในการชําระดอกเบี้ย
ต่ํากวาคาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
นอกจากนี้อัตราสวน EBITDA ยัง
แสดงวากระแสเงินสดรวมทั้งสิ้นจะ
สามารถชําระคาใชจายทางการเงิน
ต่ํากวาคาเฉลี่ยอุตสาหกรรมดวย
ทําใหการจัดหาเงินจากการกูยืมใน
อนาคตยากและอัตราดอกเบี้ยสูง
3 - 31
5. อัตราสวนความสามารถในการทํากําไร5. อัตราสวนความสามารถในการทํากําไร
1. อัตรากําไรสุทธิ(Profit margin on sales)
กําไรสุทธิสวนทีเ่ปนของผูถือหุนสามัญ
ยอดขาย=
บริษัท อัลไลดฯ = 113.5
3,000= 3.8 %
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 5.0 %
3 - 32
12
ขอสังเกต : อัตรากําไรสุทธิตอยอดขายขอสังเกต : อัตรากําไรสุทธิตอยอดขาย
บริษัท อัลไลดฯ คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
PM 3. 8 % 5. 0 %
PM บริษัท อัลไลดฯ ต่ํากวาคาเฉลี่ย
ของอุตสาหกรรม อาจมีสาเหตุมาจาก
ตนทุนสูงเกินไป บริษัทมีหนี้สินสูง
จึงตองจายดอกเบี้ยสูง ทําใหกําไรสุทธิต่ํา
3 - 33
2. Basic Earning Power(BEP) EBIT
สินทรัพยทั้งสิ้น=
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 17.2 %
= 14.2 %
บริษัท อัลไลดฯ 283.8
2,000=
3 - 34
ขอสังเกต : BEPขอสังเกต : BEP
บริษัท อัลไลดฯ คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
BEP 14.2 % 17.2 %
BEP ไมนําคาภาษีและดอกเบี้ยจายมาคํานวณ จึงมี
ประโยชนในการเปรียบเทียบสําหรับกิจการที่มีอัตรา
ภาษี และโครงสรางของเงินทุนที่ใชหนี้สินตางกัน
บริษัท อัลไลดฯ BEP ต่ํากวาคาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
จึงตองปรับปรุงแกไขการบริหารสินทรัพยตอไป
3 - 353. อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย
[Return on total assets (ROA) หรือ Return on Investment (ROI)]
กําไรสุทธิสวนที่เปนของผูถือหุนสามัญ
สินทรัพยทั้งสิ้น=
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 9.0 %
บริษัท อัลไลดฯ 113.5
2,000= 5.7 %=
4. อัตราผลตอบแทนสวนของผูเปนเจาของ
[(Return on common equity (ROE)]
กําไรสุทธิสวนที่เปนของผูถือหุนสามัญ
สวนของผูถือหุนสามัญ=
บริษัท อัลไลดฯ 113.5896
= = 12.7 %
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 15.0 %
3 - 36
13
ขอสังเกต : ROA และ ROEขอสังเกต : ROA และ ROE
ROA
ROE
5.7 % 9.0 %
12.7 % 15.0 %
บริษัท อัลไลดฯ คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
บริษัท อัลไลดฯ ทั้ง ROA และ ROE ต่ํากวา
คาเฉลี่ยของอุตสาหกรรม เนื่องจาก
BEP ต่ํา
มีหนี้สินสูงกวาคาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
ทําใหดอกเบี้ยจายสูงและกําไรสุทธิลดลง
3 - 37
6. อัตราสวนประเมินผลธุรกิจโดยรวม6. อัตราสวนประเมินผลธุรกิจโดยรวม
1. ราคาตลาดกับกําไรสุทธิตอหุน [Price/Earnings (P/E) Ratio]
ราคาตลาดตอหุน
กําไรสุทธิตอหุน=
บริษัท อัลไลดฯ =23.00
2.27
= 10.1
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 12.5
3 - 38
2. ราคาตลาดกบักระแสเงินสดตอหุน (Price/Cash Flow Ratio)
ราคาตลาดตอหุน
กระแสเงินสดตอหุน=
บริษัท อัลไลดฯ =23.00
4.27= 5. 4
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 6. 8
3 - 393. ราคาตลาดกับมูลคาตาม
บัญชีตอหุน [Market/Book(M/B) Ratio]
สวนของผูถือหุน
จํานวนหุนสามัญที่อยูในมือบุคคลภายนอก=มูลคาตามบัญชีตอหุน(Book value per share)
Market/book ratio (M/B)ราคาตลาดตอหุน
มูลคาตามบัญชีตอหุน=
บริษัท อัลไลด ฯ 23.0017.92
= = 1.3
คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม = 1.7
บริษัท อัลไลดฯ = 89650
= 17.92 บาท
3 - 40
14
ขอสังเกต : การประเมินผลธุรกิจโดยรวมขอสังเกต : การประเมินผลธุรกิจโดยรวม
P/E
P/CF
M/B
10.1 x 12.5 x
5.4 x 6.8 x
1.3 x 1.7 x
บริษัท อัลไลดฯ คาเฉลี่ยอุตสาหกรรม
P/E : บริษัทมีกําไรสุทธิ 1 บาท ผูลงทุนยินดีซื้อหุนราคาเทาไร
P/CF : บริษัทมีกระแสเงินสด 1 บาท ผูลงทุนยินดซีื้อหุนราคาเทาไร
M/B : บริษัทมีมูลคาตามบัญชี 1 บาท ผูลงทุนยินดซีื้อหุนราคาเทาไร
อัตราสวนทั้ง 3 แสดงวาผูลงทุนมองอนาคตของกิจการอยางไร
3 - 41
8. การใชและขอจํากัดของการวิเคราะหอัตราสวน8. การใชและขอจํากัดของการวิเคราะหอัตราสวน
1. บริษัทที่มีหลายแผนกซึ่งประกอบธุรกิจแตกตางกัน การเปรียบ
เทียบอัตราสวนทางการเงินกับอุตสาหกรรมทําไดยาก
2. บริษัทที่มีอัตราสวนทางการเงินดีกวาคาเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
อาจไมจําเปนตองเปนบริษัทที่มีประสิทธิภาพดีเสมอไป
3. ภาวะเงินเฟออาจทําใหการเปรียบเทียบแนวโนมไมถูกตอง
4. สินคาตามฤดูกาลจะทําใหอัตราสวนเบี่ยงเบนไปได
3 - 49
5. การตกแตงบัญชี (window dressing)
6. วิธีการบัญชีที่แตกตางกัน เชน LIFO FIFO
7. การสรุปผลการวิเคราะหอัตราสวนทาง
การเงินอาจมองในดานดี หรือดานไมดีก็ได
8. กิจการที่มีอัตราสวนหนึ่งดี อีกอัตราสวนไมดี
สรุปไมไดวากิจการมีจุดเดน และจุดดอยอะไรบาง
3 - 50
10. ยอนรอยตัวเลข (การวิเคราะหปจจัยเชิงคุณภาพ)10. ยอนรอยตัวเลข (การวิเคราะหปจจัยเชิงคุณภาพ)
1. รายไดของกิจการขึ้นอยูกับลูกคาเพียงรายเดียวหรือไม
2. รายไดของกิจการขึ้นกับผลิตภัณฑหลักชนิดเดียวหรือไม
3. กิจการตองอาศัย Supplier เพียงรายเดียวหรือไม
4. กิจการลงทุนในตางประเทศมากนอยเพียงใด
5. ภาวะการณแขงขันเปนอยางไร
6. แนวโนมในอนาคตของกิจการ
7. กฎระเบียบตางๆ
3 - 52
15
4 - 2ตลาดคืออะไร (What is a market?)ตลาดคืออะไร (What is a market?)
• A market is a venue where goods and services are exchanged. (ตลาด คือ สถานที่ซึ่งทําใหมีการ แลกเปลี่ยนสินคาและบรกิารกนั)
• A financial market is a place where individuals and organizations wanting to borrow funds are brought together with those having a surplus of funds. (ตลาดการเงิน คือ สถานที่ซึ่งบุคคลและองคการตาง ๆ ที่ตองการกูเงินมาพบกับผูที่มีเงินใหกู)
4 - 5
Types of Market
1. Physical asset markets : (Tangible หรือ Real
asset markets) ตลาดซื้อขายสินทรัพยที่มีตัวตน
เชน เครื่องจักร ที่ดินอาคาร สินคาตางๆ
Financial asset markets : ตลาดซื้อขายสินทรัพย
ทางการเงิน เชน หุนสามัญ หุนบุริมสิทธิ์ หุนกู
พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง ตราสารอนุพันธ
1. ตลาดการเงิน 1. ตลาดการเงิน
4 - 6
2. Spot markets : (on - the - spot) ตลาดที่ซื้อขาย
สินทรัพยแลวสงมอบทันที ณ
วันที่ซื้อขาย
Futures markets : ตลาดที่ซื้อขายสินทรัพยวันนี้
แตสงมอบกันในอนาคต
4 - 7
16
3. Money markets : ตลาดที่ซื้อขายหลักทรัพยที่มี
อายุไมเกิน 1 ป เชน ตั๋วเงินคลัง
Capital markets : ตลาดที่ซื้อขายหลักทรัพยที่มี
อายุเกิน 1 ป เชน หุนสามัญ
หุนกู พันธบัตรรัฐบาล
4 - 8
6. Primary markets (ตลาดแรก) : ตลาดที่ซื้อขาย
หลักทรัพยครั้งแรก
บริษัท ตลาดแรกผูซื้อหุนครั้งแรก
ที่บริษัทออกขาย
4 - 11
7. Secondary markets (ตลาดรอง) :
ตลาดที่ซื้อขายหลักทรัพย
เปลี่ยนมือระหวางผูลงทุน
ดวยกัน
ผูถือหุนเดิม ตลาดรอง ผูถือหุนใหม
4 - 12
บริษัทบล.
พัฒนสิน
ผูตองการเงินทุน
ผูจัดจําหนาย - ประกันการขาย
ผูลงทุน
เงินทุน เงินทุน
ใบหุน ใบหุน
ตลาดหลักทรัพย
นอกตลาด (OTC)
ตลาดแรก
( Primary Market )
ตลาดรอง
( Secondary Market )
ผูมีเงินออม
ขายตอ
ขายตอ
4 - 13
17
เงินทุนเคลื่อนยายระหวางผูออมและผูกูอยางไร
How is capital transferred between savers and borrowers?
• Direct transfers เคลื่อนยายโดยตรง
• Investment banking house เคลื่อนยายโดยผานธนาคารเพื่อการลงทุน
• Financial intermediaries เคลื่อนยายโดยผานสื่อกลางทางการเงิน
4 - 162. สถาบันการเงิน2. สถาบันการเงิน
Business Savers
Investment
Banking HouseBusiness Savers
FinancialIntermediaryBusiness Savers
Securities (Stocks or Bonds)
Dollars
Stocks Bonds
Dollars Dollars
Dollars Dollars
Business,
Securities
Intermediary,s
Securities
4 - 17
3. ตลาดหลักทรัพย3. ตลาดหลักทรัพย
Organized Security Exchanges
Over - the - Counter Market : OTC
4 - 20
• The price, or cost, of debt capital is the interest rate. (ราคาหรือตนทุนของหนี้สิน คือ อัตราดอกเบี้ย)
• The price, or cost, of equity capital is the required return. The required return investors expect is composed of compensation in the form of dividends and capital gains. (ราคาหรือตนทุนสวนของเจาของ คือ ผลตอบแทนที่ผูลงทุนตองการซึ่งคาดวาจะไดรับประกอบดวย เงินปนผลและกําไรสวนทุน)
4. ตนทุนของเงิน (The Cost of Money)4. ตนทุนของเงิน (The Cost of Money)
4 - 22
18
• Production opportunities(โอกาสในการผลิตสินคา)
• Time preferences for consumption (ชวงเวลาที่ตองการใชจายเงิน)
ปจจัยที่มีผลกระทบตอตนทุนของเงินทุนปจจัยที่มีผลกระทบตอตนทุนของเงินทุน
• Risk (ความเสี่ยงที่จะไดรับดอกเบี้ยและเงินตนคืน)
• Expected inflation (เงินเฟอที่คาดวาจะเกิดขึ้นในอนาคต)
4 - 23
5. ระดับของอัตราดอกเบี้ย5. ระดับของอัตราดอกเบี้ย
กําหนดโดย อุปสงค อุปทาน
kA = 108
0Dollars
%
S1
D1
D2
kB = 12
Dollars
D1
S1%
Market A : Low - Risk Securities
Interest Rate , k
Market B : High - Risk Securities
Interest Rate , k
0
4 - 24
k = k* + IP + DRP + LP + MRPk = k* + IP + DRP + LP + MRP
6. องคประกอบอัตราดอกเบี้ยของตลาด6. องคประกอบอัตราดอกเบี้ยของตลาด
4 - 25
k = อัตราที่กําหนดไว (represents any nominal rate) เชน อัตราผลตอบแทนที่ตองการจาก ตราสารหนี้ (required rate of return on a debt security)
k* = อัตราดอกเบี้ยของหลักทรัพยที่ปราศจากความ เสี่ยง(“real”risk - free rate of interest) ถาไมมี เงินเฟอ เชน อัตราดอกเบี้ยของหลักทรัพยรัฐบาลระยะสั้น
“Nominal” vs. “Real” rates “Nominal” vs. “Real” rates 4 - 26
19
IP = สวนชดเชยความเสี่ยงจากเงินเฟอ (inflation premium)
kRF = k* + IP = อัตราดอกเบี้ยของหลักทรัพยรัฐบาล
(rate of interest on treasury securities)
DRP = สวนชดเชยความเสี่ยงจากการไมสามารถชําระ
หนี้ไดตามกําหนด (default risk premium)
LP = สวนชดเชยความเสี่ยงจากสภาพคลอง
(liquidity premium)
MRP = สวนชดเชยความเสี่ยงจากระยะเวลาครบกําหนด
ไถถอน (maturity risk premium)
4 - 27
kRF = k* + IPNominal (Quoted)
Risk - Free Rate
of Interest
เทียบเคียงไดกับ
- US. Treasury bill (T - bill)
- Treasury bonds (T - bonds)
* แตถาอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยน
แปลงก็มีความเสี่ยงบาง
4 - 28
IP มีผลตออัตราดอกเบี้ยมากเพราะ
ทําใหกําลังซื้อและอัตราผลตอบแทนที่แทจริง
ลดลง เปนอัตราเงินเฟอเฉลี่ยที่คาดไวตลอด
อายุหลักทรัพย
DRP (Default Risk Premium)
ถา DRP เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ย
จะเพิ่มขึ้นดวย
4 - 29
LP (Liquidity Premium)
สภาพคลอง หมายถึง
การเปลี่ยนเปนเงินสดไดเร็ว
ในราคายุติธรรม ซึ่งหุน
จะมีสภาพคลองมากกวา
ที่ดิน โรงงาน ปกติอยูระหวาง 2 - 4 - 5 %
4 - 30
20
MRP (Maturity Risk Premium)
ความเสี่ยงนี้จะเกิดกับหลักทรัพยระยะยาว
เพราะถาอัตราดอกเบี้ยทองตลาดสูงขึ้น พันธบัตร
ระยะยาวจะมีราคาลดลง รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาล
เรียกวา ความเสี่ยงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ย
(interest rate risk)
ถาระยะเวลายาวมากความเสี่ยงนี้จะสูงขึ้น
4 - 31 5 - 2
1. สินทรัพยทางการเงิน (financial assets) :
ผูลงทุนคาดวาจะไดรับผลตอบแทนในรูปของ
กระแสเงินสด และมีความเสี่ยงในความ
ไมแนนอนของกระแสเงินสดนั้น
5 - 5
2. ความเสี่ยงของสินทรัพย มี 2 ประเภท คือ
(1) Stand - alone risk (ความเสี่ยงเฉพาะ)
คือ ความเสี่ยงของกระแสเงินสดที่เกิด
จากการลงทุนในสินทรัพยเพียงตัวเดียว
(2) Portfolio risk คือ ความเสี่ยงของ
กระแสเงินสดที่เกิดจากการลงทุนใน
สินทรัพยหลายตัวนํามาวิเคราะหรวมกัน
5 - 6
21
(1) ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได (diversifiable risk)
ความเสี่ยงนี้ถากระจายการลงทุนจะหลีกเลี่ยงได
(2) ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไมได (market risk ,
relevant risk) ความเสี่ยงนี้เนื่องมาจากดัชนี
ตลาดหลักทรัพยลดลง แมวาจะกระจายการ
ลงทุนก็หลีกเลี่ยงไมได จึงตองสนใจมาก
3. ความเสี่ยงของกลุมสินทรัพยลงทุนแบงเปน 2 สวน
5 - 7
4. สินทรัพยที่มีความเสี่ยงสูง ผลตอบ
แทนที่คาดวาจะไดรับจะสูงดวย (เพื่อชดเชย
กับความเสี่ยงที่สูงขึ้น) เชน การลงทุนในตั๋วเงินคลัง
5 % (ไมมีความเสี่ยง) แตถาลงทุนในหุนสามัญตอง
ไดรับผลตอบแทนสูงกวา 5 % (เพราะมีความเสี่ยง)
ผูลงทุนโดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
(averse to risk)ผูลงทุนโดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
(averse to risk)
5 - 8
1. ผลตอบแทนจากการลงทุน1. ผลตอบแทนจากการลงทุน
ผลตอบแทน
(จํานวนเงิน)=
เงินที่ไดรับจาก
การลงทุน- เงินลงทุน
= 1,100 - 1,000 = 100 บาท
ตัวอยาง ลงทุน 1,000 บาท เมื่อ
ครบ 1 ป ไดรับเงิน 1,100 บาท
คํานวณอัตราผลตอบแทนดังนี้ :
5 - 9
=
เงินที่ไดรับจาก
การลงทุน- เงินลงทนุ
=1,000= 100
อัตราผลตอบแทน
จากการลงทุน เงินลงทนุ
10 %
5 - 10
22
ความเสี่ยงคืออะไร ความเสี่ยงคืออะไร
• Risk, in traditional terms, is viewed as a ‘negative’.Webster’s dictionary, for instance, defines risk as “exposing to danger or hazard”. The Chinese symbols for risk, reproduced below, give a much better description of risk
• wang chi
• The first symbol is the symbol for “danger”, while the second is the symbol for “opportunity”, making risk a mix of danger and opportunity.
5 - 11
คือคือ
ความเสี่ยงเกี่ยวกับความนาจะเปนที่จะไดรับ
ผลตอบแทนต่ําหรือขาดทุน (low or negative return)
ถาความนาจะเปนนี้สูงการลงทุน
จะมีความเสี่ยงสูงดวย
5 - 12
• ความเสี่ยงจากการลงทุนมี 2 ประเภท (Two types of investment risk)
– ความเสี่ยงของหลักทรัพยตัวเดียว “ความเสี่ยงเฉพาะ” (Stand - alone risk )
– ความเสี่ยงของกลุมหลกัทรัพย (Portfolio risk)
5 - 13RISK,RETURN,AND DIVERSIFICATION
RISK ----> UNFAVORABLE OUTCOME
HIGH RISK, HIGH RETURN
DON’T PUT ALL EGGS IN ONE BASKET
DIVERSIFY RISK
(UNSYSTEMATIC RISK)
5 - 14
23
2. ความเสี่ยงเฉพาะ (Stand – Alone Risk)2. ความเสี่ยงเฉพาะ (Stand – Alone Risk)
ความเสี่ยง คือ โอกาสของเหตุการณที่ไมตองการใหเกิดขึ้น
ผลตอบแทน คือ รายไดจากการลงทุนในชวงเวลาหนึ่ง
ความเสี่ยงเฉพาะจะเกิดขึ้นจากการลงทุน
ในหลักทรัพยเพียงตัวเดียวความเสี่ยงเฉพาะจะเกิดขึ้นจากการลงทุน
ในหลักทรัพยเพียงตัวเดียว
5 - 15
(1) การกระจายของความนาจะเปน (Probability Distribution)(1) การกระจายของความนาจะเปน (Probability Distribution)
ความนาจะเปนของเหตุการณใด
โอกาสที่จะเกิดเหตุการณนั้น ๆ
ถากําหนดความนาจะเปนใหเหตุการณ
ที่จะเกิดขึ้นแลวนํามารวมกัน เรียกวา
การกระจายความนาจะเปน
(probability distribution)การกระจายความนาจะเปน
(probability distribution)
5 - 17
กรณีลงทุนในสินทรัพยชนิดเดียว
(Expected Rate of Return)
k =^ P1k1 + P2k2 + ……….Pnkn
k̂ = Σ P ik i
n
i = 1
(2) อัตราผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับ : k (k - hat) (2) อัตราผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับ : k (k - hat) ^
Pi = โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ i , ki = อัตราผลตอบแทนถาเกิดเหตุการณ i
5 - 19
- 70 0 15 100 อัตราผล
ตอบแทน (%)
0.1
0.2
0.3
0.4
Martin ProductsMartin Products
ความนาจะเปน
อัตราผลตอบแทน
ที่คาดวาจะไดรับ
100 15 20
0.1
0.2
0.3
0.4
U.S. WaterU.S. Water
ความนาจะเปน
อัตราผล
ตอบแทน (%)
อัตราผลตอบแทน
ที่คาดวาจะไดรับ
5 - 21
24
5 - 22ความนาจะเปน
อัตราผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับ
(Expected Rate of Return)
อัตราผล
ตอบแทน (%)10015 200 10-70
บริษัท U
บริษัท M
Standard deviation )̂(1
2
=
−=n
iii Pkk(σ)
Variance = )̂(1
2
=
−=n
iii Pkkσ 2
สถิติที่นิยมใช คือ สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(3) การวัดความเสี่ยงเฉพาะ : สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(3) การวัดความเสี่ยงเฉพาะ : สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
5 - 23
−1σ−2σ +3σ+2σ−3σ +1σk
68.26%
95.46%99.74%
15%
บริษัท M
-50.84% 80.84%
k = 15%^
= 65.84%
^
σ
5 - 27
สรุป : การตัดสินใจเลือกลงทุนสรุป : การตัดสินใจเลือกลงทุน
ตองเปรียบเทียบอัตราความเสี่ยงตออัตรา
ผลตอบแทน (Coefficient of Variation “CV”)
1. กรณี k เทากันจะเลือกลงทุนหุนที่ ต่ํากวา
2. กรณี เทากันจะเลือกลงทุนหุนที่ k สูงกวา
3. กรณี k สูงกวาและ ก็สูงกวาดวยจะเลือก
ลงทุนอยางไร
^
^
^σ
σ
σ
5 - 28
25
CV = =Std dev σ
k̂Mean
(4) การวัดความเสี่ยงเฉพาะ : Coefficient of Variation(4) การวัดความเสี่ยงเฉพาะ : Coefficient of Variation
คาสัมประสิทธิ์ของความแปรปรวน คือ
ความเสี่ยงของผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับ 1 หนวย
A standardized measure
of dispersion about the
expected value, that
shows the risk per unit
of return.
5 - 29
(4) การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ตองการ(4) การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ตองการ
ผูลงทุนทั่วไปผูลงทุนทั่วไปไมชอบความเสี่ยง ซึ่งกําหนด
เปนขอสมมติของหนังสือเลมนี้ไมชอบความเสี่ยง ซึ่งกําหนด
เปนขอสมมติของหนังสือเลมนี้
ผูลงทุนที่มีเหตุผลจะ
ไมชอบความเสี่ยงผูลงทุนที่มีเหตุผลจะ
ไมชอบความเสี่ยง
5 - 46
• Risk premium – the difference between the return on a risky asset and less risky asset, which serves as compensation for investors to hold riskier securities.(สวนชดเชยความเสี่ยง – ผลตางระหวางผลตอบแทนจากสินทรัพยที่มีความเสี่ยงสูงกับสินทรัพยที่มีความเสี่ยงต่ํากวา ซึ่งจะเปนผลตอบแทนที่ชดเชยใหแกผู ที่ลงทุนในหลักทรัพยซึ่งมีความเสี่ยงมากกวา)
ทัศนคติของผูลงทุนที่มีตอความเสี่ยง
(Investor attitude towards risk)
5 - 47
Portfolio : กลุมของสินทรัพย 2 ชนิดขึ้นไป
3. ความเสี่ยงของกลุมสินทรัพยลงทุน (Portfolio Risk)3. ความเสี่ยงของกลุมสินทรัพยลงทุน (Portfolio Risk)
การลงทุนในสินทรัพยเปนกลุม
ทําใหความเสี่ยงต่ํา
5 - 49
26
5 - 50
(Expected return on a portfolio) = kP^
kP = w1k1 + w2k2 + . . . . . . . . . wnknkP = w1k1 + w2k2 + . . . . . . . . . wnkn^^^^
^ ^kp = Σ wi k i
n
i = 1
(1) ผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับจากกลุมสินทรัพยลงทุน(1) ผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับจากกลุมสินทรัพยลงทุน
kP = คาถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนักของ ki^ ^
(2) ความเสี่ยงของกลุมสินทรัพยลงทุน : P(2) ความเสี่ยงของกลุมสินทรัพยลงทุน : P
Correlation Coefficient : r
P จะต่ํากวาคาถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนักของ iตามปกติ
เพราะผลตอบแทนของสินทรัพยแตละตัวมีความสัมพันธกัน
จะนํา ของสินทรัพยลงทุนแตละตัว
มาถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนักไมได
σ
σ
σσ
5 - 52
Stand-alone Market Firm-specificrisk risk risk= +
ความเสี่ยงทางตลาดเปน
สวนหนึ่งของ stand - alone
risk ของหลักทรัพยซึ่งไม
สามารถขจัดไดโดยกระจาย
การลงทุนและวัดดวยคา b
เปนความเสี่ยงสวน
หนึ่งของหลักทรัพย
ที่สามารถขจัดไดโดย
การกระจายการลงทุน
(3) ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไดกับความเสี่ยงทางตลาด(3) ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไดกับความเสี่ยงทางตลาด
5 - 58
Diversifiable
Company - Specific
Unsystematic
Risk
เปนความเสี่ยงที่ขจัดได
โดยการกระจายการลงทุน
เปนความเสี่ยงของ
หลักทรัพยนั้น เชน โครง
สรางเงินทุนของกิจการ
ลักษณะของผลิตภัณฑฯลฯ
ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได
5 - 59
27
ความเสี่ยงนี้ขจัดไมไดแมวาจะการ
กระจายการลงทุน เชน ความเสี่ยง
จากภัยสงคราม ภาวะเศรษฐกิจตกต่ํา
อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ความเสี่ยงนี้ยังมีอยูใน portfolio
บางครั้ง เรียกวา ความเสี่ยงทางตลาด
Relevant
Market
Non - diversifiable
Systematic
Risk
ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไมไดความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไมได5 - 60
วัดไดโดยคาเบตา [beta“b”]
ถาความเสี่ยงนี้สูงผูลงทุนจะตองการอัตราผลตอบแทนสูง ถาความเสี่ยงนี้สูงผูลงทุนจะตองการอัตราผลตอบแทนสูง # Stocks in Portfolio10 20 30 40 2,000+
Company Specific Risk
Market Risk (คงที)่20
0
p (%)
35
การลงทุนในหลักทรัพยเพิ่มขึ้นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได
จะลดลง (ความเสี่ยงทางตลาดไมเปลี่ยนแปลง)σ
Stand-Alone Risk pσ
σM=
5 - 63
Capital Asset Pricing Model : CAPM
เปนรูปแบบจําลองที่อธิบายความสัมพันธของ
ความเสี่ยงและผลตอบแทน โดยมีหลักสําคัญ คือ
“อัตราผลตอบแทนที่ตองการของหลักทรัพยใดเทากับอัตราผลตอบแทนที่ไมมีความเสี่ยง (risk free rate)
บวก อัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่
เพิ่มขึ้น เมื่อขจัดความเสี่ยงที่สามารถขจัดไดออกไปแลว”
5 - 65
ki = kRF + (kM - kRF)bi
ki = อัตราผลตอบแทนที่ตองการของหุนสามัญ i
kRF = อัตราผลตอบแทนที่ไมมีความเสี่ยง
kM = อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาด
bi = คาเบตาของหุนสามัญ i
5 - 66
28
(4) แนวความคิดเกี่ยวกับคาเบตา (Beta : b)(4) แนวความคิดเกี่ยวกับคาเบตา (Beta : b)
Beta Coefficient : b
ใชวัดความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทน
ของหุนตัวใดตัวหนึ่งเปรียบเทียบกับการ
เคลื่อนไหวอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาด
อัตราผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย
วัดจากการเคลื่อนไหวของดัชนีในตลาด
หลักทรัพยตาง ๆ
5 - 67
• Run a regression of past returns of a security against past returns on the market. (ใช regression โดยนําผลตอบแทนของหลักทรัพยในอดีตเทียบกับผลตอบแทนของตลาดในอดีต)
• The slope of the regression line (sometimes called the security’s characteristic line) is defined as the beta coefficient for the security. [คาความชันของ regression line (บางครั้งเรียกวา the security’s characteristic line) ถูกนิยาม วาเปนคาสัมประสิทธิ์เบตาของหลักทรัพยนั้น]
5 - 68
.
.
.ki
_
kM
_- 5 0 5 10 15 20
20
15
10
5
- 5
-10
Illustration of beta calculation:
Regression line:ki = -2.59 + 1.44 k
M^ ^
Year kM ki1 15% 18%2 -5 -103 12 16
5 - 69
EXCESS RETURNON STOCK
EXCESS RETURNON MARKET PORTFOLIO
BetaBeta =RiseRiseRunRun
Narrower spreadNarrower spreadis higher correlationis higher correlation
Characteristic LineCharacteristic Line
CHARACTERISTIC LINE5 - 70
29
An index of systematic risk.
It measures the sensitivity of a stock’s returns to changes in returns on the market portfolio.
The beta of a portfolio is simply a weighted average of the individual stock betas in the portfolio.
An index of systematic risksystematic risk.
It measures the sensitivity of a stock’s returns to changes in returns on the market portfolio.
The betabeta of a portfolio is simply a weighted average of the individual stock betas in the portfolio.
WHAT IS BETA ?5 - 71
EXCESS RETURNON STOCK
EXCESS RETURNON MARKET PORTFOLIO
Beta < 1Beta < 1(defensive)(defensive)
Beta = 1Beta = 1
Beta > 1Beta > 1(aggressive)(aggressive)
Each characteristic characteristic lineline has a
different slope.
CHARACTERISTIC LINES AND DIFFERENT BATAS
5 - 72
Security Market Line (SML)
คือคือ
เสนที่แสดงความสัมพันธระหวางความเสี่ยง
ซึ่งวัดดวยคาสัมประสิทธิ์เบตากับอัตราผลตอบแทน
ที่ตองการของหลักทรัพยตัวใดตัวหนึ่ง
4. ความสัมพันธระหวางความเสี่ยงกับอัตราผลตอบแทน4. ความสัมพันธระหวางความเสี่ยงกับอัตราผลตอบแทน
5 - 85
Security Market Line Equation : สมการ SML Security Market Line Equation : สมการ SML
ki = kRF + (kM - kRF) biki = kRF + (kM - kRF) bi
อัตราผล
ตอบแทนที่
ตองการหุน i
= +
อัตราผล
ตอบแทนที่
ไมมคีวามเสี่ยง
คาเบตา
หุน i
อัตราผลตอบ
แทนของตลาดที่
ชดเชยความเสี่ยง
หุน i ตัวเดียว
5 - 86
30
Security Market Line ( SML ) Security Market Line ( SML )
5 - 94
SML 1
Original situation
อัตราผลตอบแทน
ที่ตองการ k (%)
0 1 1.5 Risk , bi
11
6
SML 1
Original situation
อัตราผลตอบแทน
ที่ตองการ k (%)
SML2
0 1 1.5 Risk , b i
11
86
New SML
IP = 2 %
13
5 - 95
kM= 13.5%
kM = 11%
SML1
Original situation
SML2
After increasein risk aversion
Risk, bi
13.5
6
1.0
2. 5 %
0
อัตราผลตอบแทน
ที่ตองการ k (%)
11
5 - 98 6 - 2
31
• เปนเครื่องมือที่สําคัญในการวิเคราะหมูลคาของเงินตามเวลา
• Show the timing of cash flows. (แสดงจังหวะเวลาของกระแสเงินสด)
• Tick marks occur at the end of periods, so Time 0 is today; Time 1 is the end
of the first period (year, month, etc.) or the beginning of the second period.
(เครื่องหมายขีดเกิดขึ้น ณ วันสุดทายของระยะเวลา ดังนั้น 0 หมายถึงปจจุบัน
1 หมายถึงสิ้นงวดระยะเวลาที่ 1 (ป เดือน ฯลฯ) หรือเปนการเริ่มงวดที่สอง)
CF0 CF1 CF3CF2
0 1 2 3i%
1. เสนเวลา (TIME LINE)1. เสนเวลา (TIME LINE)6 - 6
• Finding the FV of a cash flow or series of cash flows when compound interest is applied is called compounding. (คํานวณ FV ของกระแส เงินสดหรืออนุกรมของกระแสเงินสดโดยใชวิธีดอกเบี้ยทบตน)
• FV can be solved by using the arithmetic, financial calculator, and spreadsheet methods. (FVสามารถคํานวณไดโดยใชวิธีการทางเลขคณิต ใชเครื่องคํานวณทางการเงิน หรือ spreadsheet)
FV = ?
0 1 2 310%
- 100
6 - 102. มูลคาในอนาคต (Future Value : FV)2. มูลคาในอนาคต (Future Value : FV)
FV1 = PV + PV ( i )
= PV (1 + i)
FV2 = FV1 (1 + i)
= PV (1 + i) (1 + i)
= PV (1 + i)2
FVn = PV (1 + i)nFVn = PV (1 + i)n
ตัวอยาง FV5 = 100 (1 + 0.05)5
= $ 127.63
6 - 12
Future Value Interest Factors : FVIFi , n = (1 + i)n
PERIOD ( n )
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
0 %
1.0000
1.0000
1.0000
1.0000
1.0000
1.0000
1.0000
1.0000
1.0000
1.0000
5 %
1.0500
1.1025
1.1576
1.2155
1.3401
1.0471
1.4475
1.5513
1.6289
10 %
1.1000
1.2100
1.3310
1.4641
1.6105
1.7716
1.9487
2.1436
2.3579
2.5937
15 %
1.1500
1.3225
1.5209
1.7490
2.0114
2.3131
2.6600
3.0590
3.5179
4.0456
6 - 13
1.2763
32
• Finding the PV of a cash flow or series of cash flows when compound interest is applied is called discounting (the reverse of compounding). [หาคา PV ของกระแสเงินสด หรืออนุกรมของกระแสเงินสด โดยใชวิธีการ ของดอกเบี้ยทบตน เรียกวา การคิดสวนลด (เปนวิธีที่ตรงกันขามกับดอกเบี้ยแบบทบตน)]
• The PV shows the value of cash flows in terms of today’s purchasing power. (PVแสดงมูลคาของกระแสเงินสดในรูปอํานาจซื้อของเงินปจจุบัน)
PV = ? 100
0 1 2 3
10%
6 - 173. มูลคาปจจุบัน (Present Value : PV)3. มูลคาปจจุบัน (Present Value : PV)
0 i = 5%1 2 3 4 5
FVn = PV (1 + i) n
FVn
(1 + i) n
เสนเวลา :
127. 63PV = ? FV1 FV2 FV3 FV4
PV =
FV5
6 - 18
Present Value Interest Factors for $1: PVIFi , n = 1/( 1 + i )n
PERIOD ( n )
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
8 %
.9259
.8573
.7938
.7350
.6806
.6302
.5835
.5403
.5002
.4632
10 %
.9091
.8264
.7513
.6830
.6209
.5645
.5132
.4665
.4241
.3855
12 %
.8929
.7972
.7118
.6355
.5674
.5066
.4523
.4039
.3606
.3220
14 %
.8772
.7695
.6750
.5921
.5194
.4556
.3996
.3506
.3075
.2697
.7835
5 %
.9524
.9070
.8638
.8227
.7462
.7107
.6768
.6446
.6139
Annuity = อนุกรมของการจายเงิน (หรือการรับเงิน)
จํานวนเทา ๆ กันทุกงวด โดยมีระยะเวลา
ที่กําหนดไวแนนอน เชน ดอกเบี้ยหุนกู
6 - 31
5. มูลคาในอนาคตของเงินเทากันทุกงวด
(Future Value of an Annuity : FVAn)5. มูลคาในอนาคตของเงินเทากันทุกงวด
(Future Value of an Annuity : FVAn)
33
Future Value of an Annuity (FVAn)
มูลคาในอนาคตของเงินเทากันทุกงวด
Annuity แบงออกเปน 2 ประเภท
1. Ordinary Annuity (Deferred Annuity) :
การจายเงินจํานวนเทา ๆ กัน ณ วันปลายงวด
2. Annuity Due : การจายเงินจํานวนเทา ๆ กัน
ณ วันตนงวด
6 - 32 What is the difference between an
ordinary annuity and an annuity due?
Ordinary Annuity
PMT PMTPMT
0 1 2 3i%
PMT PMT
0 1 2 3i%
PMT
Annuity Due
6 - 33
Future Value Interest Factors for $1 Annuity : FVIFAi , n
PERIOD ( n )
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
8 %
1.0000
2.0800
3.2464
4.5061
5.8666
7.3359
8.9228
10.637
12.488
14.487
10 %
1.0000
2.1000
3.3100
4.6410
6.1051
7.7156
9.4872
11.436
13.579
15.937
12 %
1.0000
2.1200
3.3744
4.7793
6.3528
8.1152
10.089
12.300
14.776
17.549
14 %
1.0000
2.1400
3.4396
4.9211
6.6101
8.5355
10.730
13.233
16.085
19.337
3.1525
5 %
1.0000
2.0500
4.3101
5.5256
6.8019
8.1420
9.5491
11.027
12.578
1. Ordinary Annuity1. Ordinary Annuity
6. มูลคาปจจุบันของเงินเทากันทุกงวด
(Present Value of an Annuity : PVA)6. มูลคาปจจุบันของเงินเทากันทุกงวด
(Present Value of an Annuity : PVA)
PVAn = PMT (PVIFAi , n)PVAn = PMT (PVIFAi , n)
0 5 % 1 2 3
100 100 100
PVA3
95. 2490. 7086. 38
272. 32
1. ใชเครื่องคํานวณธรรมดา
6 - 41
34
Present Value Interest Factors for $1 Annuity : PVIFAi , n
PERIOD ( n )
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
5 %
0.9524
1.8594
3.5460
4.3295
5.0757
5.7864
6.4632
7.1078
7.7271
8 %
0.9259
1.7833
2.5771
3.3121
3.9927
4.6229
5.2064
5.7466
6.2469
6.7101
10 %
0.9091
1.7355
2.4869
3.1699
3.7908
4.3553
4.8684
5.3349
5.7590
6.1446
12 %
0.8929
1.6901
2.4018
3.0373
3.6048
4.1114
4.5638
4.9676
5.3282
5.6502
14 %
0.8772
1.6467
2.3216
2.9137
3.4331
3.8887
4.2883
4.6389
4.9464
5.2161
2.7232 0 1 2 3 4 5
PV = ? 100 100 100 100 100
5 %
7. Perpetuities7. Perpetuities
Perpetuities คือ กระแสเงินสดที่ไดรับงวดละ
เทาๆ กันตลอดไปไมมีสิ้นสุด
PV ( Perpetuities ) = PMTi
1000.05
= $ 2,000=
6 - 49
1. การคํานวณมูลคาปจจุบัน (Present Value)1. การคํานวณมูลคาปจจุบัน (Present Value)
8. กระแสเงินสดแตละงวดไมเทากัน8. กระแสเงินสดแตละงวดไมเทากัน
PV = + +CF1 CF2 … CFn
(1 + i) (1 + i)2 (1 + i)n
6 - 50
100 200 200 200 200 0 1,000
0 1 2 3 4 5 6 76 %
1. ใชเครื่องคํานวณธรรมดา
94.34178.00167.92158.42149.45
0665.06
1,413.19
6 - 51
35
Will the FV of a lump sum be larger or smaller if
compounded more often, holding the stated I% constant?
• LARGER, as the more frequently compounding occurs, interest is earned on interest more often.
Annually: FV3 = $100(1.10)3 = $133.10
0 1 2 310%
100 133.10
Semiannually: FV6 = $100(1.05)6 = $134.01
0 1 2 35%
4 5 6
134.01
1 2 30
100
6 - 66
Annual compounding
FV = PV (1 + i) n
More frequent compounding
FVn = PV mniNom
m
1 +
6 - 79
1. Nominal (Quoted) Rate : iNom
Annual Percentage Rate : APR
อัตราดอกเบี้ยที่ผูกูและผูใหกูตกลงกันวาจะคิด
ปละกี่เปอรเซ็นต เชน นําเงินฝากธนาคาร
ประจํา 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.5 % ระยะเวลา 1 ป
ประจํา 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.5 % ระยะเวลา 1 ป
6 - 89
2. Periodic Rate : iPER
iPER = iNom
m
บริษัทเงินทุนใหกูเงิน อัตราดอกเบี้ย 3 % ตอไตรมาส
(3เดือน) ดั้งนั้นจะเปนอัตราดอกเบี้ย 12 % ตอป
iPER = iNom
m; iNom = (iPER) m
= 3 (4) = 12 %
6 - 90
36
3. Effective (Equivalent) Annual Rate : EAR
EAR : EFF % = 1 + iNomm - 1
m
6 - 91 7 - 2
พันธบัตรคืออะไร (What is a bond ?)
• A long-term debt instrument in which a borrower
agrees to make payments of principal and interest,
on specific dates, to the holders of the bond.
พันธบัตร คือ ตราสารหนี้ระยะยาวซึ่งผูกู (ผูออก
พันธบัตร) ไดสัญญาวาจะจายชําระคืนเงินตนและ
ดอกเบี้ยตามวันที่กําหนดไวใหแกผูถือพันธบัตร
7 - 5
1. พันธบัตรจําแนกตามผูออกจําหนาย1. พันธบัตรจําแนกตามผูออกจําหนาย
1. พันธบัตรรัฐบาล (Treasury bonds
หรือ Government bonds)
จําหนายโดยรัฐบาลกลาง
ไมมีความเสี่ยงในเรื่องการชําระดอกเบี้ย
และเงินตน (no default risk)
7 - 6
37
2. พันธบัตรของบริษัทเอกชน (Corporate bonds)
จําหนายโดยบริษัทเอกชน
มี default risk
3. พันธบัตรของรัฐ (Municipal bonds)
จําหนายโดยรัฐตาง ๆ ในสหรัฐอเมริกา
หรือรัฐบาลทองถิ่น
มี default risk
7 - 7
4. พันธบัตรตางประเทศ (Foreign bonds)
จําหนายโดยรัฐบาลตางประเทศ
หรือบริษัทตางประเทศ
มี default risk
มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
7 - 8
จํานวนเงินที่ผูออกพันธบัตรจะตองชําระคืน
แกผูถือพันธบัตร 1 ฉบับเมื่อครบกําหนดไถถอน
1. มูลคาที่ตราไว (Par value)
7 - 9
2. อัตราดอกเบี้ยที่กําหนด (Coupon interest rate)
Floating rate bonds พันธบัตรที่อัตราดอกเบี้ย
ลอยตัวตามอัตราดอกเบี้ยของตลาด
Fixed rate bonds พันธบัตรที่กําหนด
อัตราดอกเบี้ยไวแนนอน
Zero coupon bonds พันธบัตรที่ไมมีการจาย
ดอกเบี้ย ผูลงทุนจะซื้อโดยหักสวนลดไว
7 - 10
38
3. กําหนดไถถอน (Maturity date)
ปกติจะอยูในชวงเวลา 10 - 40 ป
4. การไถถอนกอนครบกําหนด (Call provisions)
พันธบัตรที่ออกจําหนายกําหนดเงื่อนไขนี้ไว
เมื่ออัตราดอกเบี้ยของตลาดลดลงต่ํากวา
อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร ผูออกพันธบัตร
จะใชสิทธิไถถอนพันธบัตรกอนกําหนด
7 - 11
5. เงินกองทุนเพื่อไถถอนพันธบัตร (Sinking funds)
พันธบัตรอาจกําหนดใหผูออกพันธบัตรจัดตั้ง
เงินกองทุนเพื่อไถถอนพันธบัตรได
6. พันธบัตรแปลงสภาพ (Convertible bonds)
พันธบัตรที่กําหนดใหผูถือพันธบัตรนํามา
แปลงสภาพเปนหุนสามัญได
7 - 12
7. พันธบัตรควบใบสําคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุนสามัญ
(Bonds issued with warrants) ผูซื้อพันธบัตรจะ
ไดรับใบสําคัญแสดงสิทธิในการซื้อ
หุนสามัญซึ่งนํามาซื้อหุนสามัญได
7 - 13
8. พันธบัตรรายได (Income bond) พันธบัตร
ที่จะจายดอกเบี้ยเมื่อมีรายไดเพียงพอ
เทานั้น
9. Indexd bond (Purchasing power bond)
พันธบัตรที่ปรับอัตราดอกเบี้ย
ตามภาวะเงินเฟอ
7 - 14
39
3. การประเมินมูลคาพันธบัตร (Bond Valuation)3. การประเมินมูลคาพันธบัตร (Bond Valuation)
0 1 2 3 N
INT+M
INTINTINTVB = ?
VB = มูลคาตามทฤษฎีของพันธบัตร
kd = อัตราผลตอบแทนที่ตองการจากพันธบัตร
( อัตราดอกเบี้ยของตลาด )
kd%
7 - 15
N = อายุของพันธบัตรปจจุบันถึง
วันครบกําหนดไถถอน
INT = จํานวนดอกเบี้ยของพันธบัตรตองวด
M = มูลคาที่ตราไวหรือมูลคาที่ไถถอน
(par value)
7 - 16
VB = INT (PVIFAk , N) + M (PVIFk , N)VB = INT (PVIFAk , N) + M (PVIFk , N)
VB = N INT + Mt = 1 (1 + kd) t (1 + kd) N
หรือ
∑
d d
7 - 17พันธบัตรมูลคาฉบับละ 1,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย 10 % อายุ 15 ป
อัตราผลตอบแทนที่ตองการ 10 %
พันธบัตรมีมูลคาตามทฤษฎีเทาไร
VB = + +……+ +INT
( 1 + kd )1
INT
( 1 + kd )2
INT
( 1 + kd )N
M
( 1 + kd )N
VB = + +….+ +100
( 1 + 0.1 )1
100
( 1 + 0.1 )2
100
( 1 + 0.1 )15
1,000
( 1 + 0.1 )15
= 100 (PVIFA10% , 15) + 1,000 (PVIF10% , 15)
7 - 18
40
การเปลี่ยนแปลงมูลคาพันธบัตรตามเวลาการเปลี่ยนแปลงมูลคาพันธบัตรตามเวลา
M = 1,000
1,495
714
Bond Value
Years
M
Premium Bond
Discount Bond
0 5 10 15
kd = coupon rate
kd ลดลงเหลือ 5 %
kd เพิ่มขึ้นเปน 15 %
7 - 27
อัตราผลตอบแทนที่ไดรับ
ถาถือพันธบัตรไวจนครบกําหนด
4. อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร4. อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร
7 - 29
ซื้อพันธบัตรมูลคาที่ตราไว (par value) 1,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย 10 % อายุ 14 ป
ในราคา 1,494.93 บาท และถือไวจนครบกําหนด
อัตราผลตอบแทนจากการถือพันธบัตร
(YTM) ปละเทาไร
7 - 30
VB = INT (PVIFA kd , 14) + M (PVIF kd , 14)VB = INT (PVIFA kd , 14) + M (PVIF kd , 14)
1. ใชเครื่องคํานวณธรรมดา
VB = N INT + Mt = 1 (1 + kd) t (1 + kd) N∑
1,494.93 = + + … + +100
(1 + kd)
100
(1 + kd)2
100
(1 + kd)14
1,000
(1 + kd)14
7 - 31
41
อัตราผลตอบแทนที่ไดรับ
เมื่อพันธบัตรถูกเรียกไถถอน
กอนครบกําหนด
7 - 34
VB = N 100 + Call Price
t = 1 (1 + kd) t (1 + kd) N∑
1,494.93 = N 100 + 1,100
t = 1 (1 + kd) t (1 + kd) N∑
1. ใชเครื่องคํานวณธรรมดา7 - 36
อัตราผลตอบ
แทนปจจุบัน
ดอกเบี้ยที่ไดรับราคาตลาดปจจุบัน
พันธบัตรจายดอกเบี้ยปละ 100 บาท
ราคาตลาดปจจุบัน 985 บาท
985Current Yield = = 10.15 %100
=
7 - 386.การประเมินความเสี่ยงของพันธบัตร6.การประเมินความเสี่ยงของพันธบัตร
ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย
(Interest Rate Risk)ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย
(Interest Rate Risk)
ความเสี่ยงจากอัตรา
ผลตอบแทนที่ไปลงทุนตอความเสี่ยงจากอัตรา
ผลตอบแทนที่ไปลงทุนตอ
1. มีความสัมพันธกับมูลคา
(PRICE)ของพันธบัตร
1. มีความสัมพันธกับรายได
(INCOME)ของผูถือพันธบัตร
2. ผูถือพันธบัตรระยะยาว
จะประสบความเสี่ยงนี้
มากกวาผูถือพันธบัตร
ระยะสั้น
2. ผูถือพันธบัตรระยะสั้นจะประสบ
ความเสี่ยงนี้มากกวาผูถือพันธบัตร
ระยะยาว
(Reinvestment Rate Risk)
7 - 42
42
การจัดอันดับพันธบัตรการจัดอันดับพันธบัตร
AAA AA A BBB
ลงทุนได
Investment Gradeลงทุนได
Investment Grade
พันธบัตรคุณภาพต่ํา
(Junk Bond)พันธบัตรคุณภาพต่ํา
(Junk Bond)
BB B CCC D
Ba B Caa CAaa Aa A Baa
S&P :
Moody ,s :
7 - 45 8 - 2
(Common Stock Valuation)
3. การประเมินมูลคาหุนสามัญ 3. การประเมินมูลคาหุนสามัญ
หุนสามัญ : ผูถือหุนสามัญมีฐานะเปนเจาของกิจการ
มีลักษณะสําคัญ 2 ประการ คือ
1. บริษัทจะจายเงินปนผลใหผูถือหุนสามัญเมื่อมีกําไร
2. ถาผูถือหุนสามัญขายหุนไดราคาสูงกวาราคาที่ซื้อมา
เรียกวา กําไรสวนทุน (capital gain) ถาขายไดต่ํากวา
เรียกวา capital loss
8 - 7
Dt = เงินปนผลที่ คาดวาจะไดรับในป t
P0 = ราคาตลาดของหุนสามัญใน ปจจุบัน
P̂t = ราคาตลาดของหุนสามัญที่ คาดไวปลายป t
P̂0 = ราคาหุนสามัญที่ ควรจะเปน หรือราคา
ตามทฤษฎี
D0 = เงินปนผล ปปจจุบัน
8 - 8
43
g = อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินปนผลที่คาดไว
^P0 = P0 ถาตลาดหลักทรัพยอยูในดุลยภาพ
kS = อัตราผลตอบแทนที่ตองการ
kS = อัตราผลตอบแทนที่ไดรับจริง
kS = อัตราผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับ ^
^(ซึ่งอาจจะ มากกวาหรือนอยกวา kS หรือ kS)
8 - 9
D1 = อัตราเงินปนผลที่คาดวาจะไดรับในป
ถัดไป (expected dividend yield)
P1 - P0 = อัตรากําไรที่คาดวาจะไดรับจากการ
ขายหุนสามัญในปถัดไป
(expected capital gains yield)
P0
^
P0
8 - 10
ดังนั้นผลตอบแทนที่คาดวาจะไดัรับจาก
หุนสามัญจึงมีสวนประกอบ 2 สวน คือ
(1) ผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับจากเงินปนผล
(2) กําไรที่คาดวาจะไดรับจากการขายหุนสามัญ
Expected total return : kS = +D1 P1 - P0
P0 P0
^^
8 - 11
นายกนกซื้อหุนสามัญราคาหุนละ 20 บาท
(P0) คาดวาจะไดรับเงินปนผล (D1) หุนละ 1.50 บาท
และถือหุนไว 1 ป คาดวาขายได (P1) 20.20 บาท
ผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับเทากับเทาไร
kS = +D1 P1 - P0
P0 P0
^ ^= +1.50 20.20 - 20
20 20
= 8. 5 %
8 - 12
^
44
การประเมินมูลคาหุนสามัญโดยใชเงินปนผลเปนเกณฑการประเมินมูลคาหุนสามัญโดยใชเงินปนผลเปนเกณฑ
ผูลงทุนที่ซื้อหุนสามัญแลวถือไวตลอดไป
ผลประโยชนที่ไดรับ คือ เงินปนผล
มูลคาของ
หุนสามัญ
ผลรวมคาปจจุบัน
ของเงินปนผล
ที่ไดรับในอนาคต
8 - 13
P0 = + + ……... + ^ D1 D2 D
(1 + kS)1 (1 + kS)2 (1 + kS)
^P0 = Dt
t = 1 (1 + kS)tΣ∝
∝∝
8 - 14
4. มูลคาหุนสามัญตามทฤษฎี
กรณีที่อัตราเงินปนผลเพิ่มขึ้นคงที่4. มูลคาหุนสามัญตามทฤษฎี
กรณีที่อัตราเงินปนผลเพิ่มขึ้นคงที่
P̂0 =D0(1 + g)kS - g
P̂0 =D1
kS - g
8 - 15
สูตรนี้สําคัญตองนําไปใชอีก
normal
Growth , 8 %
normal
Growth , 8 %
zero
Growth , 0 %
Declining
Growth , - 8 %
Dividend
1.15
0 1 2 3 4 5 Years
End of Supernormal
Growth Period Supernormal
Growth , 30 %
อัตราการเจริญเติบโตของเงินปนผล 8 - 21
45
9 - 2 หมายถึง เงินทุนจากแหลงเงินทุนระยะยาว
ไดแก หนี้สินระยะยาว หุนบุริมสิทธิ์
หุนสามัญ และกําไรสะสม
1. ตนทุนของเงินทุนนี้จะใชเปนอัตราสวนลด
(discount rate) ในเรื่อง “งบลงทุน”2. ใชเพื่อเปรียบเทียบในการ
ตัดสินใจจัดหาแหลงเงินทุนตาง ๆ
9 - 6
1. เหตุผลในการใชตนทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ย1. เหตุผลในการใชตนทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ย
เนื่องจากธุรกิจจัดหาเงินทุนมาจากแหลงตาง ๆ
ที่มีตนทุนไมเทากัน จึงตองใชตนทุนถัวเฉลี่ยถวง
น้ําหนักของเงินทุนจากแหลงเงินทุนตาง ๆ ที่จัดหามา
โดยไมตองสนใจวาโครงการลงทุนใด
จะใชเงินทุนจากแหลงใดโดยเฉพาะ
9 - 7
2. คําจาํกัดความ2. คําจาํกัดความ
องคประกอบของเงินทุน (Capital Components) :
คือ รายการดานขวาของงบดุล
ตนทุนของเงินทุนแตละแหลง
เรียกวา component cost
9 - 8
46
kd = อัตราดอกเบี้ยของหนี้สินใหม
(ตนทุนของหนี้สินกอนภาษี)
kd (1 - T) = ตนทุนของหนี้สินหลังภาษี
kP = ตนทุนของหุนบุริมสิทธิ์
kS = ตนทุนสวนของผูเปนเจาของ มี 2 แหลง
แหลงภายใน คือ กําไรสะสม
แหลงภายนอก เชน ออกหุนสามัญจําหนาย
สัญลักษณที่ใช
9 - 9
WACC = ตนทุนถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนักของเงินทุน
(Weighted Average Cost of Capital)
ถา WACC ต่ําสุด มูลคาของกิจการ
(ราคาหุนสามัญ) จะสูงสุด
9 - 10
3. ตนทุนของหนี้สิน : kd(1 - T)3. ตนทุนของหนี้สิน : kd(1 - T)
ตนทุนของหนี้สินหลังภาษี = อัตราดอกเบี้ย - ภาษีที่ประหยัดไดตนทุนของหนี้สินหลังภาษี = อัตราดอกเบี้ย - ภาษีที่ประหยัดได
= kd(1 - T)= kd(1 - T)
= kd - kdT
9 - 11
4. ตนทุนของหุนบุริมสิทธิ์ : kP4. ตนทุนของหุนบุริมสิทธิ์ : kP
DPPP
kP =
9 - 13
47
5. ตนทุนของกําไรสะสม : kS5. ตนทุนของกําไรสะสม : kS
เงินทุนจากผูถือหุนสามัญไดมาจาก 2 แหลง
1. กําไรสะสม
2. การออกหุนสามัญจําหนายเพิ่ม ซึ่งจะมี
ตนทุนสูงกวากําไรสะสม เพราะตองเสีย
คาใชจายในการจัดจําหนาย
9 - 15
เปนตนทุนเสียโอกาส (opportunity cost)
ของผูถือหุนสามัญ เพราะผูถือหุนควรจะไดรับ
เงินปนผลแตไมไดรับ เนื่องจากบริษัทนําเงินกําไร
ที่ทํามาหาไดไปลงทุนขยายกิจการ
ตนทุนของกําไรสะสม = อัตราผลตอบแทน
ที่ผูถือหุนสามัญตองการ = kS
9 - 16
การคํานวณตนทุนของกําไรสะสมการคํานวณตนทุนของกําไรสะสม
มี 3 วิธี คือ
วิธีที่ 1. ใช Capital Asset Pricing Model : CAPM
kS = kRF + ( kM - kRF ) bikS = kRF + ( kM - kRF ) bi
9 - 17
วิธีที่ 2. อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรบวก Risk Premium
ตัวอยาง บริษัทที่มีฐานะดีอัตราผลตอบแทนจาก
พันธบัตร (bond yield) 8 % risk premium 4 %
kS = 8 % + 4 % = 12 %
ตรงขัาม บริษัทที่มีความเสี่ยงสูงกวามี bond
yield สูงถึง 12 % : kS = 12 + 4 = 16 %
kS = Bond Yield + Risk PremiumkS = Bond Yield + Risk Premium
9 - 19
48
วิธีที่ 3. Dividend Yield บวก Growth Rate
หรือ Discounted Cash Flow
จากสมการ P0 = D1
kS - g
D1kS = + g P0
^
9 - 20
ทั้ง 3 วิธีคํานวณ kS ไมเทากัน คือ
วิธีที่ 1 = 11.5 %
วิธีที่ 2 = 12.0 %
วิธีที่ 3 = 13.4 %
จะใชวิธีใดขึ้นอยูกับดุลยพินิจของผูบริหาร
ผูบริหารที่ conservative จะใช 13.4 %
หรืออาจใชตนทุนทั้ง 3 วิธีถัวเฉลี่ยกัน
9 - 24
6. ตนทุนของหุนสามัญที่ออกใหม : ke6. ตนทุนของหุนสามัญที่ออกใหม : ke
ke จะสูงกวา kS เพราะการออกหุนใหมจําหนาย
ตองเสียคาใชจายในการขายหุนD1
P0 (1 - F)
F = คาใชจายในการขายหุน
P0 (1 - F) = ราคาขายสุทธิ
ke = + g
9 - 25
7. ตนทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนัก
(Weighted Average Cost of Capital : WACC)7. ตนทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนัก
(Weighted Average Cost of Capital : WACC)
WACC = wdkd(1 - T) + wPkP + wckS
w = สัดสวนของเงินทุนแตละประเภท
9 - 28
49
8. ปจจัยที่มีผลกระทบตอตนทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ย8. ปจจัยที่มีผลกระทบตอตนทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ย
ปจจัยที่
ควบคุมไมไดปจจัยที่
ควบคุมไมได
ปจจัยที่
ควบคุมไดปจจัยที่
ควบคุมได
ระดับอัตราดอกเบี้ยระดับอัตราดอกเบี้ย
อัตราภาษีอัตราภาษี
นโยบายโครงสรางของเงินทุนนโยบายโครงสรางของเงินทุน
นโยบายเงินปนผลนโยบายเงินปนผล
นโยบายการลงทุนนโยบายการลงทุน
9 - 30
9. การปรับตนทุนของเงินทุนใหเหมาะสมกับความเสี่ยง
(Adjusting the Cost of Capital for Risk)9. การปรับตนทุนของเงินทุนใหเหมาะสมกับความเสี่ยง
(Adjusting the Cost of Capital for Risk)
9 - 31
การยอมรับโครงการลงทุนนั้น โครงการที่มี
ความเสี่ยงสูงยอมตองการผลตอบแทนจากการลงทุนสูง
การชดเชยความเสี่ยง
จึงตองปรับตนทุนของเงินทุนใหสูงขึ้น
10 - 2
2. แนวความคิดที่ทําใหเกิดโครงการลงทุน2. แนวความคิดที่ทําใหเกิดโครงการลงทุน
การเติบโตของกิจการ
ความสามารถในการแขงขัน
การคิดคนผลิตภัณฑชนิดใหม
การปรับปรุงผลิตภัณฑเดิมใหมีคุณภาพดีขึ้น
การดําเนินงานที่ทําใหตนทุนลดลง
10 - 9
50
3. การจําแนกโครงการลงทุน3. การจําแนกโครงการลงทุน
1. โครงการใหมทดแทนโครงการเกาที่หมดอายุ
2. โครงการใหมทดแทนโครงการเกาเพื่อลดตนทุน
3. โครงการขยายผลิตภัณฑเดิม
4. โครงการผลิตภัณฑใหม
5. โครงการเพื่อความปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดลอม
6. โครงการอื่น ๆ
10 - 11
5. วิธีการประเมินโครงการลงทุน5. วิธีการประเมินโครงการลงทุน
5.1 ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period : PB)
5.2 ระยะเวลาคืนทุนโดยคํานึงถึงมูลคาปจจุบัน
(Discounted Payback Period : DPB)
5.3 มูลคาปจจุบันสุทธิ (Net Present Value : NPV)
10 - 13
5.4 อัตราผลตอบแทนของโครงการ
(Internal Rate of Return : IRR)
5.5 อัตราผลตอบแทนของโครงการที่
ปรับปรุงใหม (Modified Internal
Rate of Return : MIRR)
10 - 145.3 มูลคาปจจุบันสุทธิ ( NPV )5.3 มูลคาปจจุบันสุทธิ ( NPV )
การประเมินโครงการวิธีนี้จะคิดมูลคาปจจุบันของ
กระแสเงินสดรับและกระแสเงินสดจายเปรียบเทียบกนั
NPV = PV กระแสเงนิสดรับ - PV กระแสเงินสดจาย
= CF1 CF2 CFnCF0 + + + …… +( 1 + k )1 ( 1 + k )2 ( 1 + k )n
= CFt
n
t = 0 ( 1 + k )n∑
10 - 27
51
CF0 = เงินลงทุนเริ่มแรก
CFt = กระแสเงินสดสุทธิป t
k = ตนทุนของเงินทุนของโครงการ
10 - 28
5.4 อัตราผลตอบแทนของโครงการ ( IRR )5.4 อัตราผลตอบแทนของโครงการ ( IRR )
การประเมินโครงการวิธีนี้จะหาอัตรา
สวนลด ( discount rate ) ที่ทําให
ผลรวมมูลคาปจจุบันของกระแสเงินสด
ในอนาคตเทากับเงินลงทุนเริ่มแรก
(คือ อัตราสวนลดที่ NPV เทากับ 0)
10 - 34
CF0 = + + ………… +( 1 + IRR )1 ( 1 + IRR )2 ( 1 + IRR )n
CF1 CF2 CFn
( 1 + IRR )1 ( 1 + IRR )2 ( 1 + IRR )3 ( 1 + IRR )41,000 = + + +500 400 300 100
10 - 35
0 1 2 3 4
- 1,000 500 400 300 100
1,000
CF
NPV
ผลรวม PV
0
CF1-4
IRR
IRR S = 14.5 %
10 - 36
52
เกณฑในการตัดสินใจ
1. IRR ของโครงการ คือ อัตราผลตอบแทน
ที่คาดวาจะไดรับจากโครงการนั้น
2. โครงการที่ให IRR = ตนทุนของเงินทุน
โครงการนั้นใหอัตราผลตอบแทน
เทากับตนทุนของเงินทุนดวย
10 - 38
4. จะเลือกโครงการที่ให IRR > ตนทุนของเงินทุน
ปฏิเสธโครงการที่ให IRR < ตนทุนของเงินทุน
5. กรณีที่เปนโครงการที่ทดแทนกันได จะเลือกลงทุน
โครงการทีใ่ห IRR สูงกวา
3. โครงการที่ให IRR > ตนทุนของเงินทุน โครงการ
นั้นใหอัตราผลตอบแทนมากกวาตนทุนของเงินทุน
กรณีโครงการ S และโครงการ L : รับโครงการ S
10 - 39
บางครั้งในโครงการเดียวอาจมีคา IRR
หลายอัตรา เนื่องจากกระแสเงินสด
ผิดปกติ กรณีเชนนี้ควรใชวิธี
NPV หรือ MIRR มาเปนเกณฑ
ในการประเมินโครงการแทน IRR
10 - 53โครงการลงทุนทําเหมืองแร 1.6 ลานบาท ปที่ 1
มีกระแสเงินสดสุทธิ 10 ลานบาท ปที่ 2 จางถมดิน
จายเงิน 10 ลานบาท ตนทุนของเงินทุน 10 %0 1 2
- 1010- 1.6
CFj CFj CFj i EXE
= - 0.7736 ลานบาท
- 1010- 1.6
NPV
10
10 - 54
53
100 200 300 400 500
IRR1 = 25 %
Cost of Capital ( % )
NPV
( Millions of Baths )
- 1.5
- 1.0
0
- 0.5
0.51.0
1.5
IRR2 = 400 %
NPV = - 1.5 + -10 10
( 1 + k ) ( 1 + k )2
NPV = 0
IRR = 25% และ 400%
10 - 55
7. วิธีอัตราผลตอบแทนของโครงการที่ปรับปรุงใหม7. วิธีอัตราผลตอบแทนของโครงการที่ปรับปรุงใหม
1. วิธีนี้สมมติวานําเงินสดที่ไดรับในป
แรก ๆ ไปลงทุนจนถึงปสุดทายของ
โครงการโดยไดรับผลตอบแทนเทากับ
ตนทุนของเงินทุน (Cost of Capital)
( Modified Internal Rate of Return : MIRR )
10 - 59
2. นําผลที่คํานวณไดตามขอ 1 มารวมกัน
เปนมูลคา ณ ปสุดทายของโครงการ
( Terminal Value : TV )
3. หาอัตราสวนลดที่ทําให TV
เทากับเงนิลงทุนเริ่มแรกพอดี
ซึ่งก็คือ MIRR นั่นเอง
10 - 60
0 1 2 3 4
Cash Flows - 1,000 500 400 300 100330
484
665.50
1,579.50
k = 10 %
k = 10 %
k = 10 %
PV of TV 1,000
NPV = 0
MIRR = 12.1 %Terminal Value (TV)
10 - 61
54
1. โครงสรางของเงินทุนเปาหมาย
2. ธุรกิจและความเสี่ยงทางการเงิน
3. การกําหนดโครงสรางของเงินทุนที่เหมาะสม
4. ทฤษฎีโครงสรางของเงินทุน
5. ขอควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
เกี่ยวกับโครงสรางของเงินทุน6. โครงสรางของเงินทุนที่แตกตางกัน
13 - 3
การผสมผสานการใชเงินทุนระหวางหนี้สิน
หุนบุริมสิทธิ์ และหุนสามัญที่กิจการกําหนด
เปาหมายไวเพื่อการจัดหาเงินทุนในอนาคต
1. โครงสรางของเงินทุนเปาหมาย1. โครงสรางของเงินทุนเปาหมาย
คือคือ
13 - 4
โครงสรางของเงินทุน ( การผสมผสานการใช
เงินทุนจากหนี้สิน หุนบุริมสิทธิ์ และหุน
สามัญ ) ซึ่งทําใหราคาหุนสามัญ (P0) สูงสดุ
โดยการแลกเปลี่ยนชดเชย (trade off)
ระหวาง E (ROE) และ EPS ที่สูงขึ้น
พรอมกับความเสี่ยง (risk) ที่สูงขึ้นดวย
13 - 5
ปจจัยที่มีอิทธิพลตอการตัดสินใจเรื่องโครงสรางของเงินทุนปจจัยที่มีอิทธิพลตอการตัดสินใจเรื่องโครงสรางของเงินทุนปจจัยที่มีอิทธิพลตอการตัดสินใจเรื่องโครงสรางของเงินทุน
1. ความเสี่ยงทางธุรกิจ
2. ภาษีของธุรกิจ
3. ความยืดหยุนในการจัดหาเงินทุน
4. ผูบริหารถือหลัก ความปลอดภัยกลาไดกลาเสีย
13 - 6
55
2. ธุรกิจและความเสี่ยงทางการเงิน2. ธุรกิจและความเสี่ยงทางการเงิน
1. ความเสี่ยงทางธุรกิจ
2. Operating Leverage
3. ความเสี่ยงทางการเงิน
13 - 7
ความไมแนนอนของผลตอบแทนจากเงินทุนที่ใช
ลงทุนทั้งหมด ( Return on Invested Capital
“ ROIC ” ) ถากิจการไมมีหนี้สิน
Capital = หนี้สิน + สวนของผูเปนเจาของ
ROIC กรณีไมมีหุนบรุมิสิทธิ์ คํานวณไดดังนี้
ROIC = NOPAT = NI to common
stockholders +After-tax
interest paymentsCapital Capital
( 1 ) ความเสีย่งทางธุรกิจ (Business Risk)( 1 ) ( 1 ) ความเสีย่งทางธุรกิจความเสีย่งทางธุรกิจ ( (Business Risk)Business Risk)
คือคือ
13 - 8
ROIC = ROE = NI to common stockholders
Common equity
กรณีที่ไมมีหนีส้ินความเสี่ยงทางธุรกิจ
วัดดวยสวนเบี่ยงเบน
มาตรฐานของ ROE
13 - 9
กรณีไมมีหนี้สิน ROE = ROICกรณีไมมีหนี้สิน ROE = ROICปจจัยสําคัญที่มีอิทธิพลตอความเสี่ยงทางธุรกิจปจจัยสําคัญที่มีอิทธิพลตอความเสี่ยงทางธุรกิจ
1. ความผันผวนของความตองการสินคา (ยอดขาย)2. ความผันผวนของราคาขาย3. ความผันผวนของราคาปจจัยในการผลิต
4. ความสามารถในการปรับราคาขายสินคา
เมื่อราคาปจจัยในการผลิตเปลี่ยนแปลงไป
5. ความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑใหมโดยตนทุนไมสูง
6. ความเสี่ยงที่เกิดจากการคาขายกับตางประเทศ
7. ตนทุนคงที่ของกิจการ
13 - 12
56
( 2 ) Operating leverage ( 2 ) Operating leverage ( 2 ) Operating leverage
Operating leverage คอื ตนทุนคงที่ซึ่งเกิดขึ้น
ในการดําเนินธุรกิจ
ถาตนทุนทั้งสิ้นเปนตนทุนคงที่ เมื่อความตองการ
สินคาลดลงตนทุนคงที่จะไมลดลงดวย ทําให
กําไรจากการดําเนินงานและผลตอบแทน
สวนของผูเปนเจาของลดลง
13 - 13
QBE FQBE F=P - V
สูตร
13 - 15
ปริมาณ Output ซึ่งทาํให ROE = 0
หรือ EBIT = 0
EBIT = PQ - VQ - F = 0
13 - 17
โครงการ Aโครงการโครงการ A A โครงการ Bโครงการโครงการ B B
Sales
Rev.
TC
FC
Sales
Rev.
TCFC
Profit
พันบาท พันบาท
Loss
(พันหนวย)
00
(พันหนวย)EBIT = 0 EBIT = 0
40 60
( 3 ) โครงสรางของเงินทุนที่เหมาะสม (( 33 )) โครงสรางของเงินทุนที่เหมาะสมโครงสรางของเงินทุนที่เหมาะสม
คือ
โครงสรางของเงินทุนที่ WACC ต่ําสุด ซึ่งเปน
โครงสรางของเงินทุนที่ราคาหุนสามัญ P0 สูงสุดดวย
การคํานวณโครงสรางของเงินทุนที่เหมาะสมจึงคํานวณ
โครงสรางของเงินทุนที่ WACC ต่ําสุด เพราะงายกวา
13 - 57
57
1. ผลของภาษี
2. ผลกระทบจากตนทุนลมละลาย
4. ทฤษฎีสัญญาณ
5. การใชหนี้สินในโครงสรางของเงินทุน
ของผูบริหารมีขีดจํากัด
3. ทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชย
4. ทฤษฎีโครงสรางของเงินทุน4. ทฤษฎีโครงสรางของเงินทุน13 - 65
1. ไมมีคานายหนาในการซื้อขายหลักทรัพย
2. ไมมีคาภาษี
3. ไมมีตนทุนลมละลาย
4. ผูลงทุนสามารถกูเงินไดในอัตรา
ดอกเบี้ยเทากับกิจการ
5. ผูลงทุนมีขอมูลเกี่ยวกับการลงทุน
ในอนาคตของกิจการ
6. การใชหนี้สินไมมีผลกระทบตอ EBIT
โครงสรางของเงินทุน
ไมมีผลกระทบตอ
มูลคาของกิจการ
จึงใชเงินทุนจาก
แหลงใดก็ได
ขอสมมติ
ทฤษฎีโครงสรางของเงินทุน ของ M & M ทฤษฎีโครงสรางของเงินทุนทฤษฎีโครงสรางของเงินทุน ของของ M M & M & M 13 - 66
ราคาหุนสามัญ
(บาท)
0 D1 D2Leverage ( D/A )
20ราคาหุน
คงที่
13 - 67( 1 ) ผลของภาษี( 1 ) ผลของภาษี
กิจการจึงควรจัดหาเงินทุนจากหนี้สิน 100%กิจการจึงควรจัดหาเงินทุนจากหนี้สิน 100%
M&M ยกเวนขอสมมติ ขอ 2 ไมมีภาษีM&M ยกเวนขอสมมติ ขอ 2 ไมมีภาษี
ดอกเบี้ยจายหักเปนคาใชจายกอน
คํานวณภาษีเงินไดทําใหประหยัดภาษีดอกเบี้ยจายหักเปนคาใชจายกอน
คํานวณภาษีเงินไดทําใหประหยัดภาษี
13 - 68
58
0 D1 D2Leverage ( D/A )
20
ราคาหุนสามัญ
(บาท)ราคาหุนเพิ่มขึ้น
13 - 69
( 2 ) ผลกระทบจากตนทุนลมละลาย(( 22 )) ผลกระทบจากตนทุนลมละลายผลกระทบจากตนทุนลมละลาย
ในทางปฏิบัติถากิจการมีหนี้สินสูงตนทุนลมละลาย
จะสูงขึ้นดวยในทางปฏิบัติถากิจการมีหนี้สินสูงตนทุนลมละลาย
จะสูงขึ้นดวย
ยกเวนขอสมมติขอ 3 ไมมตีนทุนลมละลายยกเวนขอสมมติขอ 3 ไมมตีนทุนลมละลาย
13 - 70
13 - 71
ผลกระทบจากตนทุนลมละลายที่มีตอราคาหุนสามัญผลกระทบจากตนทุนลมละลายที่มีตอราคาหุนสามัญ
ราคาหุนสามัญ
(บาท)
0 D1 D2 Leverage ( D/A )
20
ราคาหุนลดลง
ผลของภาษีและตนทุนลมละลายที่มีตอราคาหุนสามัญผลของภาษีและตนทุนลมละลายที่มีตอราคาหุนสามัญ
13 - 72
0 D1D2 Leverage ( D/A )
20
ราคาหุนสามัญ
(บาท)
ราคาหุน
59
( 3 ) ทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชย (Trade - Off Theory)( 3 ) ทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชย (Trade - Off Theory)
เกิดขึ้นใหม เกิดขึ้นใหม
แลกเปลี่ยนชดเชย
ธุรกิจธุรกิจอัตราดอกเบี้ยและตนทุน
ลมละลายที่สูงขึ้นอัตราดอกเบี้ยและตนทุน
ลมละลายที่สูงขึ้น
ประโยชนที่ไดรับจากการ
ใชหนี้สิน ( ดอกเบี้ยจาย
ทําใหประหยัดภาษี )
ประโยชนที่ไดรับจากการ
ใชหนี้สิน ( ดอกเบี้ยจาย
ทําใหประหยัดภาษี )แสดงรูปหนาถัดไป
13 - 73
0 D1 D2Leverage ( D/A )
20
ราคาหุนสามัญ (บาท)
ยังไมมีตนทุนลมละลาย
โครงสรางของเงินทุนที่ เหมาะสม
ราคาหุนจริง
ราคาหุน ( D/A = 0 )
ตนทุนลมละลายทําใหราคาหุนลดลง ( - )
M&M ( ยกเวนขอสมมติขอ 2 )ประโยชนของภาษีทําใหราคาหุนสูงขึ้นและยังไมมีตนทุนลมละลาย
ประโยชนของภาษีราคาหุนสูงขึ้น (+)
13 - 74
การใชหนี้สินจะมีตนทุนลมละลายทําใหราคาหุนลดลง
ในชวงแรกตนทุนลมละลายจะต่ําหรือแทบไมมี เมื่อ D/A
ถึง D1 ประโยชนดานภาษียังมากกวาตนทุนลมละลายที่
สูงขึ้น ทําใหราคาหุนจึงยังสูงขึ้นในอัตราลดลง เมื่อ D/A
ถึง D2 ตนทุนลมละลายสูงกวาประโยชนดานภาษีราคาหุน
จะลดลง D2 จึงเปนโครงสรางของเงินทุนที่เหมาะสม
การใชหนี้สินไดประโยชนดานภาษี ทฤษฎี M&M
ราคาหุนจะสูงขึ้นและสูงสุดเมื่อใชหนี้สิน 100 %
คําอธิบายภาพทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชยคําอธิบายภาพทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชย13 - 75
ทฤษฎีนี้มีเหตุผล แตเปนเพียงการคาดคะเนเทานั้น
ไมไดกลาวถึงเรื่องโครงสรางของเงินทุนทั้งหมด
ปญหาที่สาํคญั คือ สมมติวาผูลงทุนมีขอมูล
ขาวสาร
เชนเดียวกับผูบริหาร
สมมติวาผูลงทุนมีขอมูล
ขาวสาร
เชนเดียวกับผูบริหาร
คําอธิบายภาพทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชย (ตอ)คําอธิบายภาพทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชย (ตอ)
13 - 76
60
พัฒนาตอจากทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชยพัฒนาตอจากทฤษฎีแลกเปลี่ยนชดเชย
( 4 ) ( 4 ) ทฤษฎีสัญญาณทฤษฎีสัญญาณ ( (Signaling Theory)Signaling Theory)
ความจริงผูบริหารมีขอมูลมากกวาผูลงทุน ความจริงผูบริหารมีขอมูลมากกวาผูลงทุน
ยกเวนขอสมมติขอ 5 ผูลงทุนมีขอมูลเกี่ยวกับอนาคต
ของกิจการเทากับผูบริหาร (Symmetric information)ยกเวนขอสมมติขอ 5 ผูลงทุนมีขอมูลเกี่ยวกับอนาคต
ของกิจการเทากับผูบริหาร (Symmetric information)
13 - 77
การที่ผูบริหารมีขอมูลดีกวาผูลงทุนแสดงสัญญาณอะไรการที่ผูบริหารมีขอมูลดีกวาผูลงทุนแสดงสัญญาณอะไรการที่ผูบริหารมีขอมูลดีกวาผูลงทุนแสดงสัญญาณอะไร
การจัดหา
เงินทุนเพิ่ม
สัญญาณ (Negative)
คาดคะเนวาอนาคตไมดี
ออกหุนสามัญใหม
เพื่อใหผูลงทุนรายใหม
รวมรับผลขาดทุนดวย
13 - 78
สัญญาณ (Positive)
คาดคะเนวาอนาคตดี
จะใชหนี้สินเพราะ
ไมตองแบงผลกําไร
ใหผูลงทุนรายใหม
กิจการควรใชหนี้สินระดับต่ํากวา
ที่ M&M เสนอแนะโดยสํารอง
ความสามารถในการกูเงินไว
กิจการควรใชหนี้สินระดับต่ํากวา
ที่ M&M เสนอแนะโดยสํารอง
ความสามารถในการกูเงินไว
ทฤษฎี
สัญญาณทฤษฎี
สัญญาณ เสนอแนะ เสนอแนะ
ถากิจการมีโครงการลงทุนที่ดีและไมตองการออก
หุนสามัญจําหนาย ( เนื่องจากผลกระทบจาก
ทฤษฎีสัญญาณจะทําใหราคาหุนสามัญต่ําลง )
ก็สามารถจัดหาเงินทุนจากหนี้สินได
ถากิจการมีโครงการลงทุนที่ดีและไมตองการออก
หุนสามัญจําหนาย ( เนื่องจากผลกระทบจาก
ทฤษฎีสัญญาณจะทําใหราคาหุนสามัญต่ําลง )
ก็สามารถจัดหาเงินทุนจากหนี้สินได
เพราะ
13 - 79
ทฤษฎีสัญญาณมีผลกระทบตอโครงสรางของเงินทุนทฤษฎีสัญญาณมีผลกระทบตอโครงสรางของเงินทุน
ตอบ ขอสมมติ
13 - 80
ผูบริหารมีขอมูลเกี่ยวกับกิจการใน
อนาคตมากกวาผูลงทุนภายนอกการตัดสินใจของผูบริหารจะคํานึงถึง
ประโยชนที่ ผูถือหุนปจจุบัน จะไดรับ
61
บทที่ 14การแบงผลประโยชนใหผูถือหุน : เงินปนผลและการซื้อหุนคนืมา
1. ผูถือหุนตองการเงินปนผลกับกําไรสวนทุน
2. ประเด็นนโยบายเงินปนผลอื่น ๆ
3. เงินปนผลสม่ําเสมอ
4. การกําหนดนโยบายเงนิปนผลในทางปฏิบัติ
5. การนําเงินปนผลที่ไดรับมาลงทุนใหม
14 - 3
การตัดสินใจจายผลกําไรแกผูถือหุนหรือ
นํามาลงทุนตอในสินทรัพยตางๆ
กรณีจายเงินปนผลแกผุถือหุนตองพิจารณาดังนี้
1. จายมากหรือนอย
2. จายสม่ําเสมอ หรือไมสม่ําเสมอ
3. จายบอยแคใหน
4. จะประกาศนโยบายนี้อยางไร
นโยบายเงินปนผล ( Dividend Policy )นโยบายเงินปนผล ( Dividend Policy )
คือคือ
14 - 5
1. ผูถือหุนตองการเงินปนผลหรือกําไรสวนทุน1. ผูถือหุนตองการเงินปนผลหรือกําไรสวนทุน
14 - 6
ของธุรกิจ คือ ทําใหผูถือหุนมีความมั่งคั่งสูงสุด
การจายเงินปนผลเทาไร ตองระลึกวาเปาหมาย
D1
kS - g =P0
^
อัตรารอยละของกําไรสุทธิที่จายเปนเงินสดปนผล
1. ใหบริษัทจายเงินสดปนผล
2. ใหบริษัทซื้อหุนคืนมา หรือ ลงทุนขยายกิจการ
เพื่อใหไดรับกําไรสวนทุน
ผูลงทุนชอบอะไร
14 - 7
62
นโยบายเงินปนผลที่เหมาะสม นโยบายเงินปนผลที่เหมาะสม
หมายถึงหมายถึงความสมดุลระหวาง
การจายเงินปนผล
ในปจจุบันการจายเงินปนผล
ในปจจุบัน
อัตราการเจริญเติบโต
ของบริษัทในอนาคตอัตราการเจริญเติบโต
ของบริษัทในอนาคตราคาหุนสามัญ
สูงสุด
ผล
14 - 8
1. Dividend Irrelevance
ผูลงทุนไมสนใจวาจะจายเงินปนผลเทาไร
2. Bird - in - the - Hand :
ผูลงทุนชอบอัตราการจายเงินปนผลสูง
3. Tax Preference :
ผูลงทุนชอบอัตราเงินปนผลต่ําแตชอบกําไรสวนทุน
ผูลงทุนชอบอัตราการจายเงินปนผลสูงหรือต่ํา มี 3 ทฤษฎี
14 - 9
1. Irrelevance
2. Bird - in - the - Hand
3. Tax Preference
ทฤษฎีทฤษฎี การนําไปใชจะกําหนดการนําไปใชจะกําหนด
อัตราเงินปนผลเทาไหรก็ได
อัตราเงินปนผลสูง
อัตราเงินปนผลต่ํา
การใชทฤษฎีทั้ง 3 ของผูบริหาร การใชทฤษฎีทั้ง 3 ของผูบริหาร
14 - 15
การแบงหุน การเพิ่มจํานวนหุนที่อยูในมือบุคคลภายนอก
เชน 2 : 1 ทําใหผูถือหุนมีจํานวนหุนมากขึ้น
หุนปนผล การที่ธุรกิจออกหุนใหมเพื่อจายปนผลแทน
เงินสด เชน จายหุนปนผล 10 % ผูถือหุน
100 หุน จะไดรับหุนปนผล 10 หุน
8. หุนปนผลและการแบงหุน8. หุนปนผลและการแบงหุน
14 - 45
63
การแบงหุน (Stock Splits) บริษัทจะใชการแบงหุนเพื่อลดราคาตลาดของหุนลง
จํานวนหุนที่อยูในมือ
บุคคลภายนอกเพิ่มขึ้น แตราคา
ตามมูลคาของหุนลดลงเปน
สัดสวนกัน จึงไมกระทบตอ
สวนของผูถือหุน
Ice Cream Parlor
Banana Splits
On Sale Now
15 - 2
16 - 2
1. นโยบายการจัดหาเงินเพื่อลงทุนในสินทรัพยหมุนเวียน1. นโยบายการจัดหาเงินเพื่อลงทุนในสินทรัพยหมุนเวียน
สินทรัพยหมุนเวียนขั้นต่ํา
ที่ธุรกิจมีไวเพื่อการ
ดําเนินงานตามปกติ
สินทรัพยหมุนเวียนที่ตองการ
เพิ่มขึ้นเปนการชั่วคราว
เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น
Permanent Current AssetsPermanent Current Assets VS Temporary Current AssetsTemporary Current Assets
16 - 4
64
3. Conservative
Approach3. Conservative
Approach
3 แบบ3 แบบ
1. Maturity Matching
(Self - Liquidating)
Approach
1. Maturity Matching
(Self - Liquidating)
Approach
16 - 5
2. Relatively Aggressive
Approach
บาท
0ป
สินทรัพยถาวร
สินทรัพยหมุนเวียน
ที่ตองการเพิ่มขึ้นชั่วคราว
สินทรัพยหมุนเวยีนขั้นต่ํา
หนี้สินหมุนเวยีนไมรวมหนี้สิน
ที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
หนี้สินระยะยาว + สวนของ
ผูเปนเจาของ + หนี้สิน
หมุนเวยีนที่เกิดขึ้นเอง
โดยอัตโนมัติ
สินทรัพย
ที่ตองการ
ใชในการ
ดําเนิน
งานขั้นต่ํา
16 - 6
บาท
0ป
สินทรัพยถาวร
สินทรัพยหมุนเวียน
ที่ตองการเพิ่มขึ้นชั่วคราว
สินทรัพยหมุนเวยีนขั้นต่ํา
หนี้สินหมุนเวยีนไมรวมหนี้สิน
ที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
หนี้สินระยะยาว + สวนของ
ผูเปนเจาของ + หนี้สิน
หมุนเวยีนที่เกิดขึ้นเอง
โดยอัตโนมัติ
สินทรัพย
ที่ตองการ
ใชในการ
ดําเนิน
งานขั้นต่ํา
16 - 7
บาท
0ป
สินทรัพยถาวร
หลักทรัพย
เงินลงทุนชั่วคราว
สินทรัพยหมุนเวยีนขั้นต่ํา
หนี้สินหมุนเวยีนไมรวมหนี้สิน
ที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
หนี้สินระยะยาว + สวนของ
ผูเปนเจาของ + หนี้สิน
หมุนเวยีนที่เกิดขึ้นเอง
โดยอัตโนมัติ
สินทรัพย
ที่ตองการ
ใชในการ
ดําเนิน
งานขั้นต่ํา
16 - 8