กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
DESCRIPTION
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.5/3TRANSCRIPT
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความหมายและขัน้ตอนการแก้ปัญหา
กระบวนการหรือขั้นตอนที่ใช้ในการแก้ปัญหา เพื่อตอบสนองความต้องการของมนษุย์ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะเกี่ยวเนื่องกบัการจัดข้อมูล
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศมีขั้นตอนการปฏิบัติ 4 ขั้นตอน ได้แก่ การวิเคราะห์และก าหนดรายละเอียดของปัญหา การเลือกเครื่องมอืและการออกแบบขึ้นตอน การด าเนินการแก้ปญัหา และการตรวจสอบและปรับปรุง
1. การวิเคราะห์และก าหนดรายละเอียดของปัญหา (State
The Problem)
- การระบุข้อมูลเข้า
- การระบุข้อมูลออก
- การก าหนดวิธีประมวลผล
2. การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอนวิธี (Tools And
Algorithm Development)
3. การด าเนินการแก้ปัญหา (Implementation)
เป็นขั้นตอนที่ต้องลงมือแก้ปัญหาโดยใช้เคร่ืองมือที่เลือกไว้การแก้ปัญหาดังกล่าวใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยงานขั้นตอนนี้ก็เป็นการใช้โปรแกรมส าเร็จหรือใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมแก้ ปัญหา
4. การตรวจสอบและปรับปรุง (Refinement)
หลังจากท่ีลงมือแกป้ัญหาแล้วต้องตรวจสอบใหแ้น่ใจว่าวิธีการนี้ให้ผลลพัธ์ที่ถูกต้องโดยผู้แกป้ัญหาต้องตรวจสอบว่าขั้นตอนวิธีท่ีสร้างขึ้นสอดคล้องกับรายละเอียดของปัญหา ในขณะเดียวกันก็ต้องปรับปรุงวิธีการเพื่อใหก้ารแก้ปัญหานี้ได้ผลลพัธ์ทีด่ีที่สุด
อัลกอริทึม(Algorithm)
ขั้นตอนหรือล าดับการประมวลผลในการแก้ปัญหาใด
ปัญหาหนึ่ง ซึ่ง จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์เห็นขั้นตอนของ
การเขียนโปรแกรมง่ายขึ้น
หลักการเขียนอัลกอริทึม
1. เรียงล าดับความส าคญัของงานที่จะท า
2. เขียนออกมาในลักษณะภาษาเขียนสามารถเข้าใจง่าย
3. มีความละเอียดของโครงสร้างพอสมควร
การเขียนผังงาน หรือ โฟลว์ชาร์ต
ผังแสดงขั้นตอนและล าดับการท างานต่าง ๆ ในโปรแกรมโดยแสดงในรูปแบบของสัญลักษณ์แทนการท างาน
ประเภทของโฟลว์ชาร์ต
โดยท่ัวไปแล้วผังงานทางคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภท ได้แก่
1. โฟลว์ชาร์ตระบบ ( System Flow Chart )
2. โฟลว์ชาร์ตโปรแกรมโมดูล ( Modular Program Flow chart )
3. โฟลว์ชาร์ตการเขียนโปรแกรม ( Programming Flow chart )
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเขียนโฟลว์ชาร์ต
จุดเริ่มต้น / สิ้นสุดของโปรแกรม
ลูกศรแสดงทศิทางการท างานของโปรแกรมและการไหลของข้อมลู
ใช้แสดงค าสั่งในการประมวลผล หรือการก าหนดค่าข้อมูลให้กับตัวแปร
แสดงการอ่านข้อมูลจากหน่วยเก็บข้อมูลส ารองเข้าสู่หน่วยความจ าหลักภายใน เครื่องหรือการแสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมา
การตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อตัดสินใจ โดยจะมีเส้นออกจารรูปเพื่อแสดงทิศทางการท างานต่อไป เงื่อนไขเป็นจริงหรือเป็นเท็จ
แสดงผลหรือรายงานที่ถูกสร้างออกมา
แสดงจุดเชื่อมต่อของผังงานภายใน หรือเป็นที่บรรจบของเส้นหลายเส้นที่มาจากหลายทิศทางเพื่อจะไปสู่ การท างานอย่างใดอย่างหนึ่งท่ีเหมือนกัน
การขึ้นหน้าใหม่ ในกรณีทีผ่ังงานมีความยาวเกินกว่าท่ีจะแสดงพอในหนึง่หนา้
รหัสจ าลอง (Pseudo Code)
รหัสจ าลองที่ใช้เป็นตัวแทนของอัลกอริทมึ โดยมีถ้อยค าหรือประโยคค าสั่งที่เขียนอยู่ในรูปแบบของภาษาอังกฤษที่ไม่ขึ้นกับภาษาคอมพิวเตอรใ์ดภาษาหนึ่ง การแสดงขั้นตอนวธิีการที่ใช้ภาษาเขียนที่เข้าใจได้ง่าย อาจใช้ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ขึ้นอยู่กบัความสะดวกของผู้เขียนและกิจกรรมที่จะน าเสนอ มักใช้รูปแบบคล้ายประโยคภาษาอังกฤษเพือ่อธิบายรายละเอียดของอัลกอริทึม
หลักการเขียนรหัสจ าลอง
1. ถ้อยค าที่ใช้เขียน ใช้ภาษาอังกฤษที่เข้าใจง่าย
2. ในหนึ่งบรรทัด ให้มีเพียงหนึ่งประโยคค าสั่ง
3. ใช้ย่อหน้าให้เป็นประโยชน์ ในการแสดงการควบคมุอย่างเป็นสัดส่วน
4. แต่ละประโยคค าสั่งให้เขียนจากบนลงล่าง และมทีางออกทางเดียว
5. กลุ่มของประโยคค าสั่งอาจรวมเป็นหมวดหมู่แล้วเรียกใช้เป็นโมดูล
โครงสร้างการเขียนผังงาน
มีการท าหน้าที่หลักๆ 3 รูปแบบ แต่ละรูปแบบจะมีการเรียงล าดับของการท างานในรูปแบบต่างๆ กัน ได้แก่ โครงสร้างแบบล าดับ โครงสร้างแบบทางเลือก และโครงสร้างแบบท าซ้ า
โครงสร้างการท างานแบบมีทางเลือก ( Selection )
เป็นโครงสร้างที่ใช้การตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อการท างานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยโครงสร้างแบบนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2
รูปแบบ คือ IF - THEN - ELSE และ IF - THEN
โครงสร้างผังงานแบบมีทางเลือกโครงสร้างแบบ IF - THEN - ELSE
โครงสร้างแบบ IF - THEN
โครงสร้างการท างานแบบมีการท างานซ้ า
เป็นโครงสร้างที่มีการประมวลผลกลุม่ค าสัง่ซ้ าหลายครั้ง ตามลักษณะเง่ือนไขที่ก าหนด อาจเรียก การท างานซ้ าแบบนี้ได้อีกแบบว่า การวนลูป ( Looping ) โครงสร้างแบบการท างานซ้ านี้จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ• DO WHILE
• DO UNTIL
แสดงโครงสร้างการท างานซ้ าแบบ DO WHILE
แสดงโครงสร้างการท างานซ้ าแบบ DO UNTIL
สรุปข้อแตกต่างระหว่าง DO WHILE และ DO UNTIL มีดังนี้
1. DO WHILE ในการท างานครั้งแรกจะต้องมีการตรวจสอบเงือ่นไขก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะมีการเข้ลปูการท างาน
2. DO UNTIL การท างานครั้งแรกจะยังไม่มีการตรวจสอบเงือ่นไข แต่จะเข้าไปท างานในลูปก่อนอย่างน้อย 1 ครั้งแล้วจึงจะไปตรวจสอบเงื่อนไข
3. DO WHILE จะมีการเข้าไปท างานในลูปก็ตอ่เมื่อตรวจสอบเงือ่นไขแล้วพบว่า เงื่อนไขเป็นจริง แต่เมื่อพบว่าเงื่อนไขเป็นเท็จ ก็จะออกจากลูปทันที
4. DO UNTIL จะมีการเข้าไปท างานในลูปก็ต่อเมื่อตรวจสอบเงือ่นไขแล้วพบว่า เงื่อนไขเป็นเท็จ แต่เมื่อพบว่าเงื่อนไขเป็นจริง ก็จะออกจากลูปทันที
โครงสร้างแบบล าดับ (Sequence)
การเขียนให้ท างานจากบนลงล่าง เขียนค าสั่งเป็นบรรทัด และท าทีละบรรทัดจากบรรทัดบนสุดลงไปจนถึงบรรทัดล่างสุด สมมติใหม้ีการท างาน 3 กระบวนการคือ อ่านขอ้มูล ค านวณ และพิมพ์ จะเขียนเป็นผังงาน (Flowchart) ในแบบตามล าดับได้ตามภาพ
สมาชิก
นายสนธยา หงษ์โต
น.ส. ศุภกานต์ มาประเสริฐกุล
น.ส. สิรกิาญจน์ เสมค า
น.ส. สุพิชญา อยู่ฉิม
น.ส. อรทัย วงษ์เอี่ยม
นายบุรพล ชนประเสริฐ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3