มาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น · 2018-09-11 ·...
TRANSCRIPT
Ø มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal)
Ø มาตรฐานงานผิวจราจรแบบพาราเคพซีล(ParaCapeSeal)
Ø มาตรฐานวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ (NaturalRubberModifiedAsphaltCement)
Ø มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ (NaturalRubberModifiedAsphaltConcrete)
มาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น(การใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมในงานก่อสร้างและซ่อมบำารุงทาง)
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ค�าน�า กรมทางหลวงชนบทมีภารกิจด้านพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานทางหลวงก่อสร้างและบ�ารุงรักษา
ทางหลวงชนบทให้มีโครงข่ายทางหลวงที่ครอบคลุมทั่วประเทศและยังมีภารกิจที่ส�าคัญอีกประการหนึ่ง
คือการส่งเสริม และสนับสนุนวิชาการงานทางให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อบริหาร
จัดการ ดูแลทางหลวงท้องถิ่นอย่างมีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานด้านงานทาง ซึ่งตลอดระยะเวลา
ที่ผ่านมา กรมทางหลวงชนบท ได้จัดท�าคู่มือ มาตรฐาน ฯลฯ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ใช้เป็น
กรอบแนวทางในการปฏิบัติงานมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยปัจจุบัน ได้มีการน�าวัสดุยางพารามาใช้ในงานก่อสร้างและซ่อมบ�ารุงทางมากย่ิงขึ้น ดังนั้น
กรมทางหลวงชนบทจึงได้จัดท�ามาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับยางพารา เพื่อให้องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นใช้เป็นกรอบแนวทางส�าหรับปฏิบัติงานจ�านวน4มาตรฐานประกอบด้วย
- มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล
- มาตรฐานงานผิวจราจรแบบพาราเคพซีล
- มาตรฐานวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
- มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรฐานงานทางหลวงท้องถ่ิน
ที่ใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมในงานก่อสร้างและซ่อมบ�ารุงทางเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารบุคลากร
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ส�าหรับศึกษาและอ้างอิงในการปฏิบัติงานต่อไป
กรมทางหลวงชนบท
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
หมวดงานยางพารา หน้า
มถ.243–2561 :มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal) 1
มถ.243.1–2561:มาตรฐานงานผิวจราจรแบบพาราเคพซีล(ParaCapeSeal) 11
มถ.245–2561 :มาตรฐานวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ(NaturalRubberModifiedAsphaltCement)
18
มถ.246–2561 :มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ(NaturalRubberModifiedAsphaltConcrete)
22
สารบัญ
F หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
1หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
มถ. 243 – 2561มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล (Para Slurry Seal)
1. ขอบข่าย พาราสเลอรี่ซีล (Para Slurry Seal) หมายถึง การฉาบผิวทางชนิดหนึ่งซึ่งประกอบด้วยพารา
แอสฟัลต์อิมัลชัน (ParaAsphaltEmulsion)มวลรวม (Aggregate)วัสดุผสมแทรก (MineralFiller)
และสารผสมเพิ่ม (Additive) มีลักษณะแข็งแรง ช่วยให้ผิวทางมีความคงทนสูง ลักษณะผิวหน้าไม่ล่ืน
ทนต่อการแปรเปลี่ยนของดินฟ้าอากาศและป้องกันน�้าซึม ในการก่อสร้างสามารถเปิดการจราจรได้
รวดเร็ว จึงเหมาะส�าหรับพื้นท่ีก่อสร้างทั่วไป และย่านชุมชน โดยใช้ส�าหรับฉาบผิวทาง และผิวไหล่ทาง
แบ่งออกเป็น3ชนิดมีลักษณะแตกต่างกันตามที่ก�าหนดในตารางที่1ซึ่งจะแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์
ในการใช้งานขนาดคละของมวลรวมปริมาณเนื้อยางที่ใช้และอัตราการใช้วัสดุการที่จะก�าหนดให้ฉาบผิว
พาราสเลอรี่ซีลชนิดใดข้ึนอยู่กับสภาพผิวทางเดิม ปริมาณการจราจร และวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
การฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีลจะต้องเลือกชนิดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามความต้องการซึ่งแบ่งได้ดังต่อไปนี้
1.1 พาราสเลอร่ีซีลชนิดที่ 1 เป็นชนิดที่สามารถแทรกซึมรอยแตกได้ดี ใช้ส�าหรับฉาบผิวทาง
โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1.1.1 ยารอยแตก
1.1.2 ฉาบเป็นผิวทางกรณีต้องการปรับปรุงTextureของผิวทางเดิมเล็กน้อย
1.1.3 ฉาบป้องกันการเกิดOxidationหรือWeatheringบนผิวทางเดิม
1.2 พาราสเลอรี่ซีลชนิดที่2เป็นชนิดที่มีผิวหน้าหยาบกว่าชนิดที่1ใช้ส�าหรับฉาบผิวทางหรือ
ผิวไหล่ทางโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1.2.1 เพิ่มค่าความต้านทานการลื่นไถล(SkidResistance)ของผิวทางเดิม
1.2.2 ให้ผิวทางระบายน�้าออกไปได้รวดเร็ว
1.2.3 ฉาบป้องกันการเกิดOxidationหรือWeatheringบนผิวทางเดิม
1.3 พาราสเลอรี่ซีลชนิดที่3เป็นชนิดที่มีผิวหน้าหยาบที่สุดใช้ส�าหรับฉาบผิวทางหรือผิวไหล่
ทางโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1.3.1 เพิ่มค่าความต้านทานการลื่นไถล(SkidResistance)ของผิวทางเดิม
1.3.2 ให้ผิวทางระบายน�้าออกไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
1.3.3 ฉาบป้องกันการเกิดOxidationหรือWeatheringบนผิวทางเดิม
1.3.4 ฉาบปรับระดับได้เล็กน้อย
2 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
1.3.5 ปรับแก้CrownSlopeได้เล็กน้อย
1.3.6 ฉาบปิดผิวทางเดิมที่หลุด(Raveling)
ตารางที่ 1 ขนาดคละของมวลรวมปริมาณเนื้อยางแอสฟัลต์และอัตราการฉาบพาราสเลอรี่ซีล
ผ่านตะแกรงขนาด
ชนิดของพาราสเลอรี่ซีล
ชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 ชนิดที่ 3
ปริมาณผ่านตะแกรงร้อยละโดยมวล
9.5มม.(3/8นิ้ว)
4.75มม.(เบอร์4)
2.36มม.(เบอร์8)
1.18มม.(เบอร์16)
0.600มม.(เบอร์30)
0.300มม.(เบอร์50)
0.150มม.(เบอร์100)
0.075มม.(เบอร์200)
100
90–100
65–90
40–65
25–42
15–30
10–20
100
90–100
65–90
45–70
30–50
18–30
10–21
5–15
100
70–90
45–70
28–50
19–34
12–25
7–18
5–15
Residueของแอสฟัลต์ร้อยละ
โดยมวลของมวลรวมแห้ง
10.0–16.0 7.5–13.5 6.5–12.0
อัตราการฉาบเป็นกก./ตร.ม. 3.0–5.5 5.5–10.0 10.0–16.0
2. วัสดุ วัสดุที่ใช้ท�าชั้นพาราสเลอรี่ซีลประกอบด้วย
2.1 แอสฟัลต์คือพาราแอสฟัลต์อิมัลชันชนิดCSS-1hPซึ่งเป็นPolymerModifiedAsphalt
EmulsionชนิดQuickSetผลิตขึ้นมาจากแอสฟัลต์อิมัลชันชนิดCSS-1หรือCSS-1h
ผสมกับยางธรรมชาติ (Natural Rubber) โดยมีคุณภาพตาม มอก. 2157 : มอดิฟายด์
แอสฟัลต์อิมัลชันส�าหรับงานทาง
2.2 สารผสมเพ่ิม (Additives) ใช้เพื่อท�าให้แอสฟัลต์อิมัลชันแตกตัวเร็วขึ้นหรือช้าลง หรือใช้
เพื่อให้แอสฟัลต์อิมัลชันเคลือบมวลรวมได้ดียิ่งขึ้น ปริมาณที่ใช้ต้องพอเหมาะเพื่อให้
สามารถเปิดการจราจรได้ภายในเวลาที่ต้องการ สารผสมเพิ่มนี้จะใช้หรือไม่ก็ได้แล้วแต่
การออกแบบซึ่งจะต้องได้รับการเห็นชอบจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อน
3หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
2.3 น�้า ต้องเป็นน�้าสะอาด ปราศจากสารท่ีส่งผลกระทบต่อคุณภาพของส่วนผสมพาราสเลอร่ีซีล
และต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ควบคุมงานก่อนน�ามาใช้งาน
2.4 มวลรวม (Aggregate) ต้องเป็นหินโม่ซึ่งแข็ง คงทน สะอาด ปราศจากดินหรือวัสดุไม่พึง
ประสงค์อื่นใดอาจมีวัสดุผสมแทรกด้วยก็ได้
ในกรณีที่ไม่ได้ระบุคุณสมบัติไว้เป็นอย่างอื่นมวลรวมต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
2.4.1 มีค่าSandEquivalentเมื่อทดลองตามASTM:D2419“วิธีทดลองหาค่าSand
Equivalentไม่น้อยกว่าร้อยละ60
2.4.2 มีค่าความสึกหรอเมื่อทดลองตามมถ.(ท)509:มาตรฐานการทดสอบหาค่าความ
สึกหรอของวัสดุชนิดหยาบโดยใช้เคร่ืองมือทดสอบหาความสึกหรอLos Angeles
Abrasionไม่มากกว่าร้อยละ35
2.4.3 มีค่าส่วนที่ไม่คงทน (Loss) เมื่อทดลองตาม ASTM: C88 - 05 “วิธีการทดลอง
หาความคงทน (Soundness) ของมวลรวมโดยใช้โซเดียมซัลเฟต จ�านวน 5 รอบ
ไม่มากกว่าร้อยละ9
2.5 วัสดุผสมแทรก(MineralFiller)วัสดุผสมแทรกเช่นปูนซีเมนต์ปูนขาวซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง
ของมวลรวมต้องใช้ในปริมาณน้อยที่สุดเท่าท่ีจ�าเป็น จะใช้เมื่อต้องการปรับปรุงความ
สะดวกในการท�างาน(Workability)หรือปรับปรุงขนาดคละ(Gradation)
3. เครื่องจักรและเครื่องมือ เคร่ืองจักรและเครื่องมือต่างๆ ที่จะน�ามาใช้จะต้องได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ใช้การ
ได้ดีตลอดระยะเวลาของการด�าเนินงานหากอุปกรณ์เคร่ืองจักรหรือเคร่ืองมือนั้นไม่สามารถท�างานได้ผล
ตามต้องการผู้รับจ้างจะต้องแก้ไขให้ดีก่อนน�าไปใช้งาน
3.1เครื่องจักรพาราสเลอรี่ซีล
เครื่องจักรพาราสเลอรี่ซีลต้องเป็นเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองประกอบด้วย
-เครื่องผสม(Mixer)
-เครื่องฉีดน�้า
-เครื่องฉาบ(Spreader)
-เครื่องปั๊มพาราแอสฟัลต์อิมัลชันน�้าและสารผสมเพิ่ม
-สายพานล�าเลียงมวลรวมและวัสดุผสมแทรกไปยังเครื่องผสม
-ถังใส่มวลรวม(AggregateBin)
-ถังใส่วัสดุผสมแทรก(FillerBin)
-ถังใส่น�้าและใส่พาราแอสฟัลต์อิมัลชัน
4 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
-ถังใส่สารผสมเพิ่ม(AdditiveTank)
-อุปกรณ์ควบคุมอัตราส่วนผสมของวัสดุ
ส่วนประกอบของเครื่องจักรดังกล่าวข้างต้นส�าหรับรายการซ่ึงเป็นส่วนประกอบท่ีส�าคัญ
มีรายละเอียดดังนี้
3.1.1 เครื่องผสมต้องเป็นเครื่องชนิดที่ผลิตส่วนผสมของพาราสเลอรี่ซีลได้อย่างต่อเน่ือง
ไม่ขาดตอนมีเครื่องล�าเลียงวัสดุต่างๆพร้อมมาตรวัดปริมาณสามารถล�าเลียง
มวลรวม วัสดุผสมแทรก น�้า พาราแอสฟัลต์อิมัลชันและสารผสมเพ่ิมลงสู่ถังผสม
ตามอัตราส่วนที่ก�าหนดได้อย่างถูกต้องมวลรวมและวัสดุผสมแทรกถูกล�าเลียงลงสู่
ถังผสมในต�าแหน่งเดียวกันเคร่ืองผสมสามารถล�าเลียงวัสดุท่ีผสมเข้ากันอย่างดีแล้ว
ลงเครื่องฉาบได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน
3.1.2 เครื่องฉีดน�้าติดตั้งอยู่หน้าเครื่องฉาบเช่นFogSprayBarสามารถฉีดน�้าให้เป็นฝอย
หรือละอองใช้ส�าหรับฉีดน�้าให้ผิวทางเปียกได้อย่างทั่วถึง
3.1.3 เคร่ืองฉาบติดอยู่ทางด้านท้ายของเครื่องผสมต้องสามารถปรับอัตราการฉาบได้
ตามที่ก�าหนดปรับความกว้างได้ไม่น้อยกว่า1ช่องจราจรฉาบได้เรียบและสม�่าเสมอ
3.1.4 เครื่องปั๊มแอสฟัลต์อิมัลชันน�้าและสารผสมเพิ่มต้องมีมาตรวัดปริมาณและสามารถ
อ่านมาตรได้ตลอดเวลาในการท�าพาราสเลอรี่ซีล
3.1.5 สายพานล�าเลียงมวลรวมและวัสดุผสมแทรกไปยังเครื่องผสม ต้องมีมาตร
วัดปริมาณและสามารถอ่านมาตรได้ตลอดเวลาในการท�าพาราสเลอรี่ซีล
3.2 เครื่องกวาดฝุ่น เป็นแบบขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองหรือแบบลากที่ติดตั้งที่รถไถนา (Farm
Tractor) หรือรถอื่นใดซึ่งเป็นชนิดไม้กวาดหมุนโดยเคร่ืองกลขนไม้กวาดอาจท�าด้วย
ไฟเบอร์ ลวดเหล็ก ไนล่อน หวายหรือวัสดุอื่นใดที่เหมาะสมทั้งนี้ต้องมีประสิทธิภาพพอ
ท่ีจะท�าให้พื้นท่ีท่ีจะก่อสร้างสะอาดอาจใช้ร่วมกับเครื่องเป่าฝุ่นและไม้กวาดมือซ่ึงสามารถ
ท�าความสะอาดผิวทางและรอยแตกได้
3.3 เครื่องเป่าลม (Blower) เป็นแบบติดต้ังที่รถไถนาหรือรถอื่นใดมีใบพัดขนาดใหญ่ให้ก�าลัง
ลมแรงและมีประสิทธิภาพพอเพียงที่จะท�าให้พื้นที่ที่จะก่อสร้างสะอาด
3.4 เครื่องจักรบดทับต้องเป็นรถบดล้อยางแบบขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองมีน�้าหนักประมาณ
5ตันล้อยางต้องเป็นชนิดผิวหน้ายางเรียบมีขนาดและจ�านวนชั้นผ้าใบเท่ากันทุกล้อความ
ดันลมยางประมาณ345กิโลพาสคัล(50ปอนด์แรงต่อตารางนิ้ว)
3.5 อุปกรณ์อื่นๆที่จ�าเป็นในการด�าเนินงานเช่นเครื่องฉาบด้วยมือพลั่ว
5หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
4. ข้อก�าหนดในการออกแบบส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีล 4.1 การออกแบบส่วนผสมนี้ ให้ใช้วิธีของTheAsphalt InstituteManualSeriesNo.19
โดยวิธีหาค่าC.K.E.และตามมาตรฐานASTM.D3910(StandardPracticeforDesign,
Testing, And Construction of Slurry Seal) หรือใช้มาตรฐานและวิธีทดลองของ
InternationalSlurrySurfacingAssociation(ISSA)หรือวิธีอื่นใดที่เป็นมาตรฐานสากล
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความเห็นชอบ ซ่ึงก่อนเร่ิมงานฉาบผิวทางแบบพารา
สเลอรี่ซีลผู้รับจ้างจะต้องด�าเนินการตามขั้นตอนที่4.1.1หรือ4.1.2ดังรายละเอียดต่อไปนี้
4.1.1 ผู้รับจ้างต้องเสนอเอกสารการออกแบบส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลต่อผู้ควบคุมงาน
แล้วผู ้ควบคุมงานต้องเก็บตัวอย่างวัสดุท่ีจะใช้จากแหล่งท่ีระบุในเอกสารการ
ออกแบบส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีล พร้อมเอกสารการออกแบบส่วนผสมพารา
สเลอรี่ซีล ส่งให้หน่วยงานราชการหรือสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ เพ่ือท�าการ
ตรวจสอบและรับรองผล ส�าหรับค่าใช้จ่ายในการนี้ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้นหรือ
4.1.2 ผู ้รับจ้างประสานกับผู้ควบคุมงานเพื่อเก็บตัวอย่างวัสดุที่จะใช้จากแหล่งที่ระบ ุ
ในเอกสารการออกแบบส่วนผสมพาราสเลอร่ีซีล น�าส่งหน่วยงานราชการหรือ
สถาบันการศึกษาท่ีมีศักยภาพ เพ่ือท�าการออกแบบส่วนผสมพาราสเลอร่ีซีล
ส�าหรับค่าใช้จ่ายในการนี้ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น
4.2 คุณภาพของวัสดุที่จะใช ้ออกแบบจะต ้องผ ่านการทดลองคุณภาพให ้ใช ้ ได ้แล ้ว
การออกแบบส่วนผสมจะต้องออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน
4.3 ส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลต้องมีคุณสมบัติดังนี้
4.3.1 เวลาในการผสม(MixingTime)ที่25องศาเซลเซียสไม่น้อยกว่า120วินาที
4.3.2 ค่าFlowอยู่ระหว่าง10-20มิลลิเมตร
4.3.3 InitialSettingTimeไม่มากกว่า30นาที
4.3.4 เวลาในการบ่ม(CuringTime)ไม่มากกว่า2ชั่วโมง
4.3.5 ค่าWetTrackAbrasionLossไม่มากกว่า500กรัมต่อตารางเมตร
4.3.6 ค่าHubbardFieldStabilityที่25องศาเซลเซียสไม่น้อยกว่า11.8กิโลนิวตัน
(1,200กิโลกรัมแรง)
4.4 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจพิจารณาเปลี่ยนแปลงขนาดคละของมวลรวม ปริมาณ
เนื้อยางแอสฟัลต์และอัตราการฉาบแตกต่างไปจากตารางที่ 1 ก็ได้ตามความเหมาะสม
แต่คุณสมบัติของส่วนผสมต้องถูกต้องตามข้อ4.3
6 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
4.5 หากวัสดุผสมมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากมวลรวม หรือเหตุอื่นใด ผู้รับจ้างต้องออกแบบ
ส่วนผสมใหม่ตามข้อ4.1
4.6 ระหว่างการฉาบพาราสเลอร่ีซีล ถ้าผู้ควบคุมงานเห็นว่าส่วนผสมของพาราสเลอร่ีซีล
ที่ออกแบบไว้ไม่เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงในสนามมวลรวมหรือวัสดุผสมแอสฟัลต์
ผิดพลาดจากข้อก�าหนด ให้ถือว่าส่วนผสมที่ออกแบบไว้ไม่ได้ตามคุณภาพที่ต้องการ
ผู้รับจ้างต้องท�าการปรับปรุงแก้ไข แล้วท�าการออกแบบส่วนผสมใหม่ โดยผู ้รับจ้าง
จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น
4.7 เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนของสูตรส่วนผสมเฉพาะงานให้เป็นไปตามตารางที่2
ตารางที่ 2 เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ส�าหรับสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน
ผ่านตะแกรงขนาด ร้อยละ
2.36มม.(เบอร์8)และใหญ่กว่า
1.18มม.(เบอร์16)0.600มม.(เบอร์30)และ0.300มม.(เบอร์50)
0.150มม.(เบอร์100)
0.075มม.(เบอร์200)
±5
±4
±3
±2
Residueของแอสฟัลต์โดยมวลของมวลรวมแห้ง ±0.5
หมายเหตุ เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ส�าหรับสูตรส่วนผสมเฉพาะงานในตารางที่ 2 เป็นเกณฑ์
แนะน�า กรณีท่ีหน่วยงานราชการหรือสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพได้เห็นควรให้ก�าหนดขอบเขตของ
สูตรส่วนผสมเฉพาะงานแตกต่างไปจากตารางที่2ก็สามารถด�าเนินการได้ตามความเหมาะสม
4.8 การทดลองและการตรวจสอบการออกแบบการฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีลทุกครั้ง
โดยผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น
5. การเตรียมการก่อสร้าง ก่อนท�าการก่อสร้างให้ด�าเนินการดังนี้
5.1 ให้กองมวลรวมให้เป็นระเบียบโดยกองในบริเวณท่ีน�้าไม่ขังหรือบริเวณที่จะไม่ท�าให้มวล
รวมมีคุณสมบัติเปลี่ยนแปลงไปก่อนน�ามวลรวมไปใช้งานจะต้องได้รับการตรวจสอบและ
ได้รับการอนุญาตจากผู้ควบคุมงานก่อน
7หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
5.2 กรณีผิวทางเดิมเป็นผิวทางแอสฟัลต์ให้ท�าการตรวจสอบพื้นที่ที่จะท�าการก่อสร้างและ
แก้ไขความบกพร่องต่างๆก่อนฉาบผิวเช่นถ้าผิวเดิมบางจุดมีความเสียหายหรือระดับไม่ดี
ให้ท�าDeepPatchingหรือSkinPatchingแล้วแต่กรณี
5.3 กรณีผิวทางเดิมเป็นผิวทางคอนกรีตให้ท�าการตรวจสอบรอยต่อและรอยแตกต่างๆ แล้ว
ท�าการแก้ไขซ่อมแซมตามความเหมาะสมท�าความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วท�าการ Tack
Coatก่อนท�าการฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีล
5.4 ตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องจักรและเครื่องมือให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะน�าออกใช้งานและ
ผลิตส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลได้ตามที่ออกแบบไว้
5.5 ให้ท�าการตรวจสอบและตรวจปรับมาตรวัดต่างๆเพื่อให้ใช้วัสดุได้ตามอัตราส่วนที่ต้องการ
5.6 ในกรณีที่จ�าเป็นต้องกวาดฝุ่นให้ใช้เครื่องกวาดฝุ่นกวาดวัสดุที่ไม่พึงประสงค์ออกจากผิว
ทางจนสะอาดถ้าจ�าเป็นให้ใช้น�้าล้างด้วย
5.7 ต้องพิจารณาสภาวะอากาศให้เหมาะสมห้ามท�าการฉาบผิวในระหว่างฝนตกและอุณหภูมิ
ของอากาศขณะฉาบต้องไม่ต�่ากว่า10องศาเซลเซียส
6. การก่อสร้าง วัสดุต่างๆที่จะน�ามาผสมเป็นพาราสเลอรี่ซีลต้องเป็นวัสดุที่ผ่านการทดลองและมีคุณภาพใช้ได้แลว้
6.1ข้อก�าหนดทั่วไปในการก่อสร้าง
6.1.1 กรณีท่ีผิวทางเดิมเป็นผิวทางแอสฟัลต์ที่มีผิวแห้งต้องท�าให้เปียกสม�่าเสมอด้วย
เครื่องฉีดน�้าเป็นฝอยหรือเป็นละอองทันทีก่อนท�าการฉาบผิว
6.1.2 กรณีที่ผิวทางเดิมเป็นผิวคอนกรีตให้ท�าการTackCoatด้วยแอสฟัลต์อิมัลชันชนิด
CSS-1 หรือ CSS-1h ในอัตรา 0.1 – 0.3 ลิตรต่อตารางเมตรหรือจะผสมน�้าใน
อัตราส่วน1:1แล้วTackCoatในอัตรา0.2–0.6ลิตรต่อตารางเมตรก่อนท�าการ
ฉาบผิว
6.1.3 พาราแอสฟัลต์อิมัลชันในส่วนผสมต้องไม่แตกตัวในเครื่องฉาบก่อนที่จะฉาบ
6.1.4 พาราสเลอรี่ซีลที่ผสมแล้วต้องสามารถกระจายได้อย่างสม�่าเสมอในเครื่องฉาบต้อง
มีปริมาณมากพอตลอดเวลาเพื่อให้การฉาบฉาบได้เต็มความกว้างตามต้องการ
6.2 การฉาบ
6.2.1 ส่วนผสมพาราสเลอร่ีซีลเมื่อฉาบบนผิวทางแล้วต้องมีส่วนผสมคงท่ีถูกต้องตามสูตร
ส่วนผสมเฉพาะงาน
8 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
6.2.2 ส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลต้องไม่จับกันเป็นก้อนหรือแตกตัวในเครื่องฉาบไม่มีมวล
รวมใดท่ีไม่ถูกเคลือบด้วยพาราแอสฟัลต์อิมัลชันไม่เกิดการแยกตัวระหว่างพารา
แอสฟัลต์อิมัลชันกับมวลรวมละเอียดออกจากมวลหยาบหรือมีมวลหยาบตกลง
สู่ส่วนล่างของวัสดุผสมถ้ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจะต้องตักวัสดุผสมนี้ออกไปจาก
ผิวทาง
6.2.3 ต้องไม่มีรอยครูดซึ่งอาจเกิดจากหินก้อนใหญ่เกินไปปรากฏให้เห็นบนผิวทางที่ฉาบ
เรียบร้อยแล้วถ้าเกิดกรณีเช่นนี้ต้องท�าการตกแต่งและแก้ไขให้เรียบร้อยผู้ควบคุม
งานอาจให้ใช้ตะแกรงร่อนมวลรวมก่อนน�ามาผสม
6.2.4 กรณีที่ไม่สามารถใช้เครื่องฉาบท�าการฉาบได้เพราะสถานที่จ�ากัดการฉาบด้วยมือ
ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ควบคุมงานก่อน
6.3 รอยต่อตามยาวหรือตามขวาง ต้องไม่เป็นสันนูนหรือมองเห็นชัดเจนว่าไม่เรียบร้อยถ้าเกิด
กรณีเช่นนี้ต้องท�าการตกแต่งและแก้ไขให้เรียบร้อยโดยวิธีที่ผู้ควบคุมงานเห็นชอบ
6.4 การบดทับ
6.4.1 พาราสเลอรี่ซีลชนิดที่1และชนิดที่2ไม่ต้องท�าการบดทับ
6.4.2 พาราสเลอรี่ซีลชนิดที่ 3 อาจจะท�าการบดทับหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ
ผู ้ควบคุมงานหากต้องท�าการบดทับ ให้บดทับขณะที่ส ่วนผสมก�าลังแข็งตัว
(ขณะบ่ม)โดยใช้รถบดล้อยางตามข้อ3.4บดทับด้วยความเร็วประมาณ6กิโลเมตร
ต่อชั่วโมงจ�านวนไม่น้อยกว่า5เที่ยว
6.5 การบ่มเมื่อฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีลเสร็จแล้ว ต้องปล่อยให้บ่มตัวระยะเวลาหนึ่งก่อนเปิด
การจราจรการบ่มตัวจะนานเท่าไรให้ตรวจสอบการแตกตัวของพาราแอสฟัลต์อิมัลชันใน
ส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลโดยดูการเปลี่ยนสีของส่วนผสมจากสีน�้าตาลเป็นสีด�าและ
ปราศจากน�้าในส่วนผสม ซึ่งสามารถจะท�าการตรวจสอบได้โดยใช้กระดาษซับน�้าบนผิว
พาราสเลอรี่ซีลถ้าไม่มีน�า้ปรากฎบนผิวและผิวนั้นเป็นสีด�าแล้วก็สามารถเปิดการจราจรได้
โดยปกติจะใช้เวลาบ่มไม่เกิน 2 ชั่วโมงระหว่างการบ่มตัวถ้าจ�าเป็นต้องเปิดให้การจราจรผ่าน
อาจใช้หินฝุ่นหรือทรายสาดปิดเพื่อให้รถยนต์ผ่านก็ได้
7. การตรวจสอบคุณสมบัติส่วนผสมในสนาม เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติของส่วนผสมว่าเป็นไปตามข้อก�าหนดที่ออกแบบไว้หรือไม่โดยมี
การตรวจสอบดังนี้
7.1 ตรวจสอบขนาดคละของมวลรวมทั้งจากStockPile (GeneralTest)และจากหน้างาน
แต่ละวัน(ControlTest)ว่าอยู่ในTolerantLimitของสูตรส่วนผสมเฉพาะงานหรือไม่
ซึ่งขนาดของมวลรวมมีผลต่อความหนาของผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีลและคุณสมบัต ิ
โดยรวมของส่วนผสมด้วย
9หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
7.2ตรวจสอบความชื้น (Moisture Content) ของมวลรวมเพื่อใช้ปรับเปอร์เซ็นต์Water
Content ในส่วนผสมและใช้ค�านวณน�้าหนักมวลรวมแห้งที่ใช้งานในแต่ละวันท่ีท�าการ
ฉาบผิวทาง
7.3ตรวจสอบค่า Sand Equivalent ของมวลรวมที่มีขนาดผ่านตะแกรงเบอร์ 4 ซ่ึงจะต้อง
มีค่าไม่น้อยกว่าร้อยละ60
7.4 ตรวจสอบส่วนผสมว่าสามารถผสมมวลรวมกับแอสฟัลต์ให้เข้ากันได้อย่างทั่วถึงและ
สม�่าเสมอในเวลาท่ีระบุในสูตรส่วนผสมเฉพาะงานหรือไม่ (Mixing Time) ซึ่งจะต้อง
ไม่น้อยกว่า120วินาที
7.5ตรวจสอบค่าFlowของส่วนผสมซึ่งต้องอยู่ระหว่าง10–20มิลลิเมตร
7.6ตรวจสอบช่วงเวลาในการแตกตัวหรือแยกตัว (Initial Setting Time) ของอนุภาค
แอสฟัลต์ว่าเป็นไปตามท่ีก�าหนดในสูตรส่วนผสมเฉพาะงานหรือไม่ท้ังน้ีต้องไม่เกิน
30นาทีนับตั้งแต่เวลาที่เริ่มฉาบผิวทางบริเวณนั้นโดยใช้กระดาษสีขาวบางๆซับที่ผิวทาง
ซึ่งต้องไม่มีสีด�าของแอสฟัลต์เปื้อนติดกระดาษ
7.7ตรวจสอบเวลาการบ่ม (Curing Time) ว่าเป็นไปตามข้อก�าหนดในสูตรส่วนผสมเฉพาะ
งานหรือไม่วิธีการตรวจสอบท�าได้โดยการเก็บตัวอย่างส่วนผสมจากส่วนท้ายของรถฉาบ
ผิวมาท�าการทดลองวัดค่าTorqueด้วยเครื่องCohesionTesterจับเวลาจนกว่าได้ค่า
Torqueไม่น้อยกว่า20กก.-ซม.หรือทดสอบผิวทางในสนามโดยใช้วิธีShoeTestท�าได้
โดยการยืนบนผิวทางให้น�้าหนักตัวลงบนขาข้างที่ถนัดค่อนไปทางปลายเท้าเผยอส้นเท้า
ขึ้นเล็กน้อยแล้วบิดเท้าไปมา 2-3 คร้ังหากไม่ปรากฏว่าเม็ดของมวลรวมหลุดจากผิวทาง
จนเป็นแอ่งรอยเท้าแสดงว่าเกิดการบ่มตัวของผิวทางจนสามารถเปิดการจราจรได้แล้ว
หรือใช้รถยนต์น�้าหนักไม่เกิน 1.5 ตัน วิ่งผ่านบนผิวทางท่ีฉาบแล้วด้วยความเร็วประมาณ
30 กม.ต่อชั่วโมง ซึ่งต้องไม่มีเม็ดหินหลุดกระเด็นขึ้นมาจนสามารถมองเห็นรอยร่องล้อ
ได้ชัดเจน
ในกรณีที่ผลตรวจสอบคุณสมบัติส่วนผสมในสนามไม่เป็นไปตามสูตรส่วนผสม
เฉพาะงาน ต้องหยุดการก่อสร้างเพื่อตรวจหาสาเหตุและท�าการแก้ไข แล้วเก็บตัวอย่าง
มวลรวมและแอสฟัลต์อิมัลชันที่ใช้ก่อสร้างในแปลงนั้นไว้เพื่อการตรวจสอบในภายหลัง
ระหว่างการฉาบพาราสเลอรี่ซีลถ้าผู้ควบคุมงานเห็นว่าส่วนผสมของพาราสเลอรี่ซีลที่
ออกแบบไว้ ไม่เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงในสนาม หรือเห็นว่ามวลรวมวัสดุผสม
แอสฟัลต์ผิดพลาดจากข้อก�าหนดของสูตรส่วนผสมเฉพาะงานผู ้รับจ้างต้องท�าการ
ปรับปรุงแก้ไขหรือท�าการเก็บตัวอย่างเพ่ือออกแบบส่วนผสมใหม่ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจ
ของผู้ควบคุมงาน
10 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
8. การอ�านวยการและการเปิดการจราจร ผู้รับจ้างจะต้องอ�านวยความสะดวกและความปลอดภัยในระหว่างการก่อสร้างโดยจัดหาติดต้ัง
อุปกรณ์ป้ายเครื่องหมายและสัญญาณจราจรเตือนล่วงหน้าเพ่ือป้องกันอุบัติเหตุระยะเวลาท่ีจะเปิดการ
จราจรควรพิจารณาตามความจ�าเป็นในสนามควรเปิดการจราจรได้เมื่อบ่มตัวครบ2ชั่วโมงแล้วผู้ควบคุม
งานจะเป็นผู้ก�าหนดระยะเวลาในการเปิดการจราจรตามความเหมาะสม
9. ข้อควรระวัง 9.1 การขนส่งพาราแอสฟัลต์อิมัลชันในกรณีที่เป็นถังบรรจุ Drum โดยเฉพาะการขนขึ้นหรือ
ลงต้องระมัดระวังไม่ให้ถังบรรจุพาราแอสฟัลต์อิมัลชันได้รับการกระทบกระเทือนอย่าง
รุนแรงเพราะอาจท�าให้พาราแอสฟัลต์อิมัลชันแตกตัวได้
9.2 ก่อนใช้พาราแอสฟัลต์อิมัลชันที่บรรจุถังเก็บไว้เป็นเวลานานควรกลิ้งถังไปมาอย่างน้อย
ด้านละ 5 ครั้ง ก่อนบรรจุลงในเครื่องผสมพาราสเลอร่ีซีลทั้งนี้เพื่อให้พาราแอสฟัลต์
อิมัลชันมีลักษณะเดียวกันอย่างทั่วถึง
9.3 ทุกครั้งที่ท�าการผสมพาราสเลอรี่ซีลเสร็จแล้วควรล้างเครื่องผสมให้สะอาดมิฉะนั้น
จะมีแอสฟัลต์เกาะติดในเครื่องท�าให้ไม่สะดวกในการท�างานในครั้งต่อไป
9.4 เมื่อเปิดถังบรรจุพาราแอสฟัลต์อิมัลชันออกใช้ควรใช้ให้หมดถังหรือต้องปิดฝาอย่างดี
มิฉะนั้นจะท�าให้น�้าในถังระเหยได้ซึ่งจะท�าให้พาราแอสฟัลต์อิมัลชันเสื่อมสภาพ
10. เอกสารอ้างอิง 10.1 มาตรฐานที่มทช.243–2555งานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal),
กรมทางหลวงชนบทกระทรวงคมนาคม
11หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
มถ. 243.1 - 2561 มาตรฐานงานผิวจราจรแบบพาราเคพซีล (Para Cape Seal)
1. ขอบข่าย ผิวจราจรแบบพาราเคพซีลหมายถึง การก่อสร้างผิวทางสองชั้น ประกอบด้วยผิวทางชั้นแรก
เป็นผิวทางแบบเซอร์เฟซทรีตเมนต์ชั้นเดียว(SingleSurfaceTreatment)แล้วปูทับด้วยพาราสเลอรี่ซีล
(Para Slurry Seal) ลงบนผิวทางหรือผิวไหล่ทางดังกล่าวอีกหนึ่งหรือสองชั้น ผิวทางชนิดนี้ใช้ท�าเป็นผิว
ไหล่ทางได้ด้วย
2. ผิวทางชั้นแรก แบบเซอร์เฟซทรีตเมนต์ชั้นเดียว (Single Surface Treatment) 2.1 วัสดุ
2.1.1 แอสฟัลต์ให้เป็นไปตามมถ.309:มาตรฐานงานผิวจราจรแบบเซอร์เฟซทรีตเมนต์
ตามข้อ2.1.3และต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมอก.371:
แคตอิออนิกแอสฟัลต์อิมัลชั่นส�าหรับถนนและได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์
อุตสาหกรรมระบบคุณภาพมอก.หรือแอสฟัลต์อิมัลชั่นชนิดอื่นซึ่งองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นเห็นชอบแล้ว
2.1.2หินย่อย ให้เป็นไปตาม มถ.207 : มาตรฐานวัสดุมวลรวมส�าหรับผิวจราจรแบบ
เซอร์เฟซทรีตเมนต์
2.2การกองวัสดุ
2.2.1 ให้แยกกองหินย่อยแต่ละขนาดไว้โดยไม่ปะปนกัน
2.2.2 ถ้าบริเวณท่ีกองหินย่อยไม่เรียบร้อย อันอาจจะท�าให้มีวัสดุอื่นไม่พึงประสงค์มา
ปะปนผู้ควบคุมงานอาจไม่อนุญาตให้ใช้หินย่อยที่มีวัสดุอื่นปะปนนั้นได้
2.2.3 บริเวณที่กองหินย่อย ต้องมีการระบายน�้าที่ดี อันเป็นการป้องกันมิให้น�้าท่วมกอง
หินย่อยได้
2.3ขนาดของหินย่อย
ขนาดของหินย่อยของผิวทางชั้นแรกให้เป็นไปตามตารางที่1
12 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ตารางที่ 1 ขนาดของหินย่อย
ขนาดที่ใช้เรียก มิลลิเมตร
น�้าหนักผ่านตะแกรงเป็นร้อยละ
25.0มม.
19.0มม.
12.5มม.
9.5มม.
4.75มม.
2.36มม.
1.18มม
19.0 (3/4นิ้ว)12.5(1/2นิ้ว)
100-
90-100100
0-3090-100
0-80-30
-0-4
0-20-2
0-0.50-0.5
2.4 การเลือกใช้ขนาดของหินย่อยส�าหรับผิวทางชั้นแรกให้ใช้ขนาด19.0มิลลิเมตร(3/4นิ้ว)
หรือ12.5มิลลิเมตร(1/2นิ้ว)และต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามมถ.207:มาตรฐานวัสดุ
มวลรวมส�าหรับผิวจราจรแบบเซอร์เฟซทรีตเมนต์
2.5 ปริมาณวัสดุที่ใช้โดยประมาณหินย่อยและแอสฟัลต์อิมัลชั่นโดยประมาณให้ใช้ตามตาราง
ที่2 ส่วนปริมาณวัสดุที่ใช้จริงให้เป็นไปตามการออกแบบของหน่วยงานราชการหรือ
สถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ โดยปริมาณแอสฟัลต์อิมัลชั่นที่ออกแบบในชั้นนี้ได้จากค่า
A.L.D.(AverageLeaseDimension)ของหินย่อย
ตารางที่ 2 ปริมาณวัสดุที่ใช้โดยประมาณ
ขนาดที่ใช้เรียกมิลลิเมตร 19.0 (3/4 นิ้ว) 12.5 (1/2 นิ้ว)
หินย่อย(กิโลกรัมต่อตารางเมตร)แอสฟัลต์อิมัลชั่น(ลิตรต่อตารางเมตร)
16-221.1-2.3
12-180.8-1.6
2.6 การล้างหินย่อย
การล้างหินย่อย หินย่อยไม่ต้องเคลือบผิว แต่ต้องล้างให้สะอาด แล้วรีบน�าไปใช้โดยเร็ว
หากปล่อยทิ้งไว้จนแห้งหรือสกปรกต้องล้างใหม่
2.7 การใช้สารผสมแอสฟัลต์(Additive)
สารผสมแอสฟัลต์ อาจใช้ผสมกับสารเคลือบผิวหินย่อยหรือผสมกับแอสฟัลต์โดยตรงก็ได้
แล้วแต่ชนิดและความเหมาะสม โดยให้เป็นไปตามค�าแนะน�าของผู้ผลิต ถ้าผสมสารผสม
แอสฟัลต์ลงในแอสฟัลต์โดยตรง ควรผสมก่อนใช้งานเล็กน้อยแล้วท�าให้แอสฟัลต์ในถัง
บรรจุแอสฟัลต์ประจ�ารถพ่นแอสฟัลต์ไหลเวียนให้ผสมเข้ากันดีเสียก่อน โดยใช้เวลา
ประมาณ20นาทีแล้วจึงน�าไปใช้งานทันทีห้ามต้มแอสฟัลต์ที่ผสมสารผสมแอสฟัลต์แล้ว
13หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ที่ช่วงอุณหภูมิส�าหรับพ่นแอสฟัลต์ท้ิงไว้ เพราะสารผสมแอสฟัลต์อาจเส่ือมคุณภาพได้
ภายในไม่กี่ชั่วโมง หากจ�าเป็นท่ีจะต้องน�าแอสฟัลต์ที่ผสมสารผสมแอสฟัลต์และต้มที่
อุณหภูมิที่ใช้ลาดทิ้งไว้เกินกว่า3 ชั่วโมง มาใช้ใหม่ ต้องด�าเนินการตามแนะน�าของผู้ผลิต
สารผสมแอสฟัลต์โดยความเห็นชอบของผู้ควบคุมงาน
2.8 เครื่องจักรและเครื่องมือ
เครื่องจักรและเครื่องมือท่ีใช้ให้เป็นตามมถ.309 : มาตรฐานงานผิวจราจรแบบเซอร์เฟซ
ทรีตเมนต์เครื่องโรยหินจะต้องเป็นแบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
2.9 การเตรียมการก่อนการก่อสร้าง
การเตรียมการก่อนการก่อสร้างให้เป็นตาม มถ.309 : มาตรฐานงานผิวจราจรแบบ
เซอร์เฟซทรีตเมนต์
2.10 วิธีการก่อสร้าง
วิธีการก่อสร้างให้เป็นตามมถ.309:มาตรฐานงานผิวจราจรแบบเซอร์เฟซทรีตเมนต์
2.11 รายละเอียดเพิ่มเติม
รายละเอียดเพิ่มเติมให้เป็นตามมถ.309:มาตรฐานงานผิวจราจรแบบเซอร์เฟซทรีตเมนต์
2.12 ข้อควรระวัง
ข้อควรระวังให้เป็นตามมถ.309:มาตรฐานงานผิวจราจรแบบเซอร์เฟซทรีตเมนต์
3. ผิวทางชั้นที่สอง พาราสเลอรี่ซีล (Para Slurry Seal)
3.1 วัสดุ
วัสดุที่ใช้ให้เป็นไปตาม มถ. 243 : มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอร่ีซีล (Para
SlurrySeal)
3.2 ขนาดของหินย่อยปริมาณแอสฟัลต์ที่ใช้และอัตราการฉาบ
ขนาดของหินย่อยเมื่อทดสอบตามมถ.(ท)508:มาตรฐานการทดสอบหาขนาดเม็ดของ
วัสดุ(SieveAnalysis)ปริมาณแอสฟัลต์ที่ใช้และอัตราการฉาบให้เป็นไปตามตารางที่3
3.3การกองหินย่อยหรือทราย
การกองหินย่อยหรือทรายให้เป็นไปตามมถ.243:มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพารา
สเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal)
3.4 ชนิดของพาราสเลอรี่ซีล
ส�าหรับงานผิวจราจรแบบพาราเคพซีล ให้ใช้พาราสเลอรี่ซีล ชนิดที่ 2 หรือ ชนิดที่ 3
เท่านั้น
14 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
3.4.1 พาราสเลอรี่ซีล ชนิดท่ี 2 ใช้ฉาบผิวทางชั้นแรกท่ีใช้หินย่อย หรือกรวดย่อย
ขนาด12.5มิลลิเมตร (1/2นิ้ว)ตามตารางที่1 โดยฉาบครั้งเดียวให้มีปริมาณ
ส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลตามตารางที่3
3.4.2 พาราสเลอร่ีซีล ชนิดท่ี 3 ใช้ฉาบผิวทางชั้นแรกท่ีใช้หินย่อย หรือกรวดย่อย
ขนาด 19.0 มิลลิเมตร (3/4 นิ้ว) ตามตารางท่ี 1 โดยแบ่งการฉาบเป็น 2 คร้ัง
ให้มีปริมาณส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลรวมทั้งหมดตามตารางที่3
ตารางที่ 3 ขนาดของหิน ปริมาณแอสฟัลต์ที่ใช้ และอัตราการฉาบ
ชนิดของพาราสเลอรี่ซีล 2 3
ขนาดของตะแกรงร่อน ; มม. ผ่านตะแกรงร่อน ; ร้อยละ
9.5(3/8นิ้ว)4.75(เบอร์4)2.36(เบอร์8)1.18(เบอร์16)0.600(เบอร์30)0.300(เบอร์50)0.150(เบอร์100)0.075(เบอร์200)
10090-10065-9045-7030-5018-3010-215-15
10070-9045-7028-5019-3412-257-185-15
Residueของแอสฟัลต์;ร้อยละโดยน�้าหนักของหินแห้ง
7.5-13.5 6.5-12.0
อัตราการปู/ฉาบเป็นน�้าหนักของส่วนผสมสเลอรี่;กก./ตร.ม. 5.5–10.0 10.0–16.0
3.5 การออกแบบส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีล
การออกแบบส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลให้เป็นไปตามมถ.243:มาตรฐานงานฉาบผิวทาง
แบบพาราสเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal)
3.6เครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง
3.6.1 เครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้างให้เป็นไปตามมถ.243 :มาตรฐานงานฉาบผิวทาง
แบบพาราสเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal)
3.6.2 เครื่องจักรที่ใช้บดทับ ต้องเป็นรถบดล้อยางชนิดขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง มีน�้าหนัก
ประมาณ10ตันแบบล้อยางผิวหน้าเรียบความดันลมยางประมาณ3.5กิโลกรัม
ต่อตารางเซนติเมตร(50ปอนด์ต่อตารางนิ้ว)
15หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
3.7 การเตรียมการก่อสร้าง
การเตรียมการก่อสร้างให้เป็นไปตาม มถ. 243 : มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพารา
สเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal)
3.8วิธีการก่อสร้าง
3.8.1 ลาดยางแอสฟัลต์อีมัลชันชนิดCSS-1หรือCSS-1hที่ผสมน�้าในอัตราส่วน1:1
ลงบนผิวทางชั้นแรก ด้วยอัตราไม่น้อยกว่า 0.6 ลิตรต่อตารางเมตร โดยวิธ ี
ฟ๊อกสเปรย์(FogSpray)หลังจากนั้นจึงด�าเนินการฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีลต่อไป
3.8.2 ด�าเนินการฉาบผิวพาราสเลอร่ีซีลทับบนผิวทางชั้นแรก ส�าหรับผิวทางชั้นแรกที่
ก่อสร้างใหม่ การฉาบพาราสเลอรี่ซีลทับควรด�าเนินการภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า
4วันและไม่มากกว่า4สัปดาห์ฉะนั้นการลาดแอสฟัลต์อีมัลชันตามข้อ3.8.1
ควรด�าเนินการภายในระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีล
3.8.3 ก่อนที่จะฉาบผิวพาราสเลอร่ีซีล ให้ท�าความสะอาดผิวทางท่ีจะฉาบพาราสเลอร่ีซีล
ทับด้วยเครื่องกวาดฝุ่นและถ้าจ�าเป็นให้ใช้น�้าล้าง เพื่อก�าจัดวัสดุที่หลุดหลวม
สิ่งสกปรกต่างๆออกให้หมด
3.8.4 ก่อนฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีล ถ้าผิวทางที่จะฉาบทับนั้นแห้ง ให้พ่นน�้าลงไปเพียงบางๆ
พอเปียกชื้นเท่านั้นอย่าให้มีน�้าขังบนผิวทางที่จะฉาบทับ
3.8.5 ส่วนผสมพาราสเลอรี่ซีลเมื่อฉาบบนผิวทางแล้วต้องมีส่วนผสมคงที่ตามที่ต้องการ
3.8.6 วัสดุที่ผสมแล้วต้องกระจายอย่างสม�่าเสมอในเครื่องฉาบและต้องมีปริมาณมากพอ
ตลอดเวลาเพื่อให้ฉาบได้เต็มความกว้างที่ต้องการ
3.8.7 วัสดุที่ผสมแล้วต้องไม่เป็นกอง ไม่เป็นก้อน หรือมีหินที่ไม่ถูกผสมกับแอสฟัลต์อีมัลชนั
ต้องไม่มีการแยกตัวระหว่างพาราแอสฟัลต์อีมัลชันกับส่วนละเอียดออกจากหินหยาบ
ต้องไม่มีหินหยาบตกอยู่ส่วนล่างของวัสดุผสม ถ้ามีกรณีดังกล่าวเกิดข้ึน จะต้อง
ตักวัสดุผสมนี้ออกจากผิวทาง
3.8.8 ต้องไม่มีรอยขีดปรากฏให้เห็นบนผิวที่ฉาบพาราสเลอรี่ซีลเรียบร้อยแล้ว ถ้าเกิด
กรณีเช่นนี้ ต้องท�าการตกแต่ง และแก้ไขให้เรียบร้อยผู้ควบคุมงานอาจสั่งให้ใช้
ตะแกรงร่อนมวลรวมก่อนน�ามาผสม
3.8.9 ข้อก�าหนดของรอยต่อ รอยต่อตามยาว ควรจัดให้อยู่ตรงแนวเส้นแบ่งช่องจราจร
และรอยต่อต้องไม่เป็นสันนูนเกินไปหรือมองเห็นชัดเจนดูไม่เรียบร้อยถ้าเกิดกรณี
ดังกล่าวเช่นน้ี และจ�าเป็นต้องใช้กระสอบลาก หรือเคร่ืองลากชนิดอื่น ต้องได้รับ
ความเห็นชอบจากผู้ควบคุมงานก่อน
16 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
3.8.10 ข้อก�าหนดของการฉาบด้วยมือในกรณีเครื่องฉาบท�าการฉาบไม่ได้เพราะสถานที่
จ�ากัดการฉาบด้วยมือต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ควบคุมงานก่อน
3.8.11 ในการฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีลชนิดที่2ตามข้อ3.4.1หรือการฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีล
ชนิดที่3ครั้งที่1ตามข้อ3.4.2ให้บดทับด้วยรถบดล้อยางชนิดขับเคลื่อนได้ด้วย
ตัวเองตามข้อ3.6.2เต็มผิวหน้าไม่น้อยกว่า5เที่ยวโดยเริ่มบดได้เมื่อไม่มีส่วน
ผสมพาราสเลอรี่ซีลติดล้อรถบด แต่ต้องไม่ข้ามวัน ส�าหรับการฉาบผิวพาราสเลอรี่ซีล
ชนิดที่3ครั้งที่2นั้นให้ด�าเนินการฉาบผิวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะท�าได้แต่ต้องไม่นานเกิน
4สัปดาห์หลังจากฉาบผิวครั้งที่1เสร็จเรียบร้อยแล้วการฉาบผิวครั้งที่2นี้ปกติ
ไม่ต้องบดทับ
3.9 รายละเอียดเพิ่มเติม
การบ่ม ให้บ่มผิวพาราสเลอร่ีซีลไว้ระยะเวลาหนึ่งก่อนเปิดให้การจราจรผ่าน จนกว่าผิว
พาราสเลอรี่ซีลจะแตกตัวโดยสมบูรณ์แล้วจึงเปิดให้การจราจรผ่านบริเวณที่มีความจ�าเป็น
ต้องให้การจราจรผ่านได้ก่อนเช่นทางแยกทางเชื่อมก็อาจใช้ทรายหรือหินฝุ่นสาดทับไว้
ให้ตรวจสอบการแตกตัวของพาราแอสฟัลต์อีมัลชันในพาราสเลอร่ีซีล โดยการดูการ
เปลี่ยนสีของส่วนผสมจากสีน�้าตาลเป็นสีด�า และปราศจากน�้าในส่วนผสม ซ่ึงสามารถ
ตรวจสอบได้โดยใช้กระดาษซับน�้าบนผิวพาราสเลอรี่ซีล ถ้าไม่มีน�้าเหลือปรากฏให้เปิดการ
จราจรได้โดยปกติไม่ควรเกิน2ชั่วโมงระยะเวลาการบ่มให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ควบคุมงาน
3.10 ข้อควรระวัง
ข้อควรระวังให้เป็นตามมถ.309:มาตรฐานงานผิวจราจรแบบเซอร์เฟซทรีตเมนต์และ
มถ.243:มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal)
4. ข้อก�าหนดเพิ่มเติมส�าหรับผิวทางแบบพาราเคพซีล 4.1 ก่อนเริ่มงานผิวทางแบบพาราเคพซีล ผู้รับจ้างต้องด�าเนินการตามขั้นตอนที่ 4.1.1 หรือ
4.1.2ดังรายละเอียดต่อไปนี้
4.1.1 ผู ้รับจ้างต้องเสนอเอกสารการออกแบบส่วนผสมผิวทางแบบพาราเคพซีลต่อ
ผู ้ควบคุมงาน แล้วผู้ควบคุมงานต้องเก็บตัวอย่างวัสดุท่ีจะใช้จากแหล่งท่ีระบ ุ
ในเอกสารการออกแบบส่วนผสมพาราเคพซีลพร้อมเอกสารการออกแบบส่วนผสม
พาราเคพซีล ส ่งให ้หน่วยงานราชการหรือสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ
เพ่ือท�าการตรวจสอบและรับรองผล ส�าหรับค่าใช้จ่ายในการนี้ผู้รับจ้างจะต้องเป็น
ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้นหรือ
17หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
4.1.2 ผู ้รับจ้างประสานกับผู้ควบคุมงานเพื่อเก็บตัวอย่างวัสดุที่จะใช้จากแหล่งที่ระบ ุ
ในเอกสารการออกแบบส่วนผสมพาราเคพซีล น�าส่งหน่วยงานราชการหรือสถาบัน
การศึกษาที่มีศักยภาพเพื่อท�าการออกแบบส่วนผสมพาราเคพซีลส�าหรับค่าใช้จ่าย
ในการนี้ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น
4.2 ในการท�าผิวแบบพาราเคพซีลในสนาม ถ้าวัสดุที่ใช้ผิดพลาดไปจากข้อก�าหนด จะถือว่า
ส่วนผสมท่ีผสมไว้ในแต่ละครั้งนั้นไม่ถูกต้องตามคุณภาพที่ต้องการ ซ่ึงผู้รับจ้างจะต้อง
ท�าการปรับปรุงหรือแก้ไขใหม่โดยผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น
4.3 หากวัสดุส่วนผสมมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากเหตุอื่นใดก็ตาม ผู้รับจ้างอาจขอเปลี่ยนแปลง
สูตรส่วนผสมเฉพาะงานใหม่ได้ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงทุกคร้ังจะต้องได้รับความเห็นชอบ
จากผู้ออกแบบสูตรส่วนผสมเฉพาะงานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อน
4.4 การทดสอบ และการตรวจสอบการออกแบบผิวแบบพาราเคพซีลทุกครั้ง หรือทุกสัญญา
จ้างผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น
5. เอกสารอ้างอิง 5.1 มาตรฐานที่ มทช. 233-2545 มาตรฐานงานผิวจราจรแบบเคพซีล (Cape Seal),
กรมทางหลวงชนบทกระทรวงคมนาคม
5.2 มาตรฐานที่ มทช. 243-2555 งานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล (Para Slurry Seal),
กรมทางหลวงชนบทกระทรวงคมนาคม
5.3 มาตรฐานที่มยผ.2143-57มาตรฐานงานผิวจราจรแบบพาราเคพซีล(ParaCapeSeal),
กรมโยธาธิการและผังเมืองกระทรวงมหาดไทย
18 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
มถ. 245 - 2561 มาตรฐานวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
(Natural Rubber Modified Asphalt Cement)
1. ขอบข่าย วัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ (Natural Rubber Modified
Asphalt Cement) หมายถึง การน�ายางแอสฟัลต์ซีเมนต์ผสมปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ และ
อาจมีสารผสมเพิ่มอื่นที่เหมาะสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติตามข้อก�าหนดโดยใช้ส�าหรับงานก่อสร้างและบ�ารุง
รักษาทาง
2. คุณสมบัติ แอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ต้องมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน มีการกระ
จายของเนื้อยางธรรมชาติอย่างสม�่าเสมอ ปราศจากสารแปลกปลอมอื่นใดเจือปน เมื่อให้ความร้อน
ที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ต้องไม่มีฟอง ไม่แยกตัวในขณะให้ความร้อน ในขณะปล่อยให้เย็น
และในขณะขนส่งการทดสอบท�าได้โดยการตรวจพินิจและมีคุณสมบัติอื่นๆดังต่อนี้
2.1 มีความคงทนต่อการเสื่อมสภาพที่อุณหภูมิผสมกับวัสดุมวลรวม
2.2 มีความหนืดที่เหมาะสมส�าหรับเคลือบวัสดุมวลรวมที่อุณหภูมิใช้งาน
2.3 รักษาคุณสมบัติต่างๆได้ในขณะอยู่ในถังเก็บและในขั้นตอนการน�าไปใช้
2.4 คุณลักษณะอื่นๆ ให้เป็นไปตามตารางที่ 1 (ข้อก�าหนดคุณสมบัติวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์
ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ) การเก็บรักษา ต้องเก็บในไว้ถังเก็บที่มีระบบการกวน
และการควบคุมอุณหภูมิ ระยะเวลาในการน�าไปใช้งานหลังการผลิตแล้วเสร็จ ให้เป็นไป
ตามตารางที่2
3. การควบคุมคุณภาพ แอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่น�ามาใช้งานต้องผ่านการตรวจสอบและ
รับรองคุณภาพจากกรมทางหลวงและต้องมีเอกสารก�ากับดังนี้
3.1 ใบก�ากับสินค้าจากบริษัทผู้ผลิต
3.2 ใบสั่งจ่ายผลิตภัณฑ์จากบริษัทผู้ผลิต
3.3 หนังสือรับรองคุณภาพจากกรมทางหลวง
19หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ตารางที่ 1 ข้อก�าหนดคุณสมบัติวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ล�าดับที่
คุณลักษณะ หน่วย เกณฑ์ที่ก�าหนด
วิธีทดสอบตาม
1 เพนิเทรชันที่อุณหภูมิ25องศาเซลเซียสน�้าหนักกด100กรัมเวลา5วินาที
- 50ถึง70 มอก.1201
2 จุดอ่อนตัวไม่น้อยกว่า องศาเซลเซียส 50 มอก.1216
3 จุดวาบไฟไม่น้อยกว่า องศาเซลเซียส 220 มอก.1182เล่ม2
4 ความยืดหยุ่นกลับ(ElasticRecovery)ที่อุณหภูมิ25องศาเซลเซียสระยะ10เซนติเมตรไม่น้อยกว่า
ร้อยละ 40 ASTMD6084
5 เสถียรภาพต่อการเก็บที่24ชั่วโมงอุณหภูมิ163องศาเซลเซียสค่าความแตกต่างของจุดอ่อนตัวระหว่างบนและล่างของหลอดทดสอบไม่เกิน
องศาเซลเซียส 4 IS15462หรือมอก.1216
6 ความหนืดบรูคฟิลด์อัตราเฉือน18.6วินาที-1 แกน(Spindle)21ที่อุณหภูมิ150องศาเซลเซียส
มิลลิพาสคัลวินาที
200ถึง600
ASTMD4402
7 ความต้านแรงเฉือนไดนามิกG*/sinที่อุณหภูมิ70องศาเซลเซียส10rad/sไม่น้อยกว่า
กิโลพาสคัล 1.0 AASHTOT315
8 ปริมาณเนื้อยางธรรมชาติ(RubberContent)ไม่น้อยกว่า
ร้อยละโดยน�้าหนัก
5.0 Certificate
กากที่เหลือจากการอบ(TestonResiduefromThinFilmOvenTest)
9 น�้าหนักที่สูญเสียไปเมื่อให้ความร้อนไม่เกิน ร้อยละโดยน�้าหนัก
1.0 มอก.1223
10 เพนิเทรชันที่อุณหภูมิ25องศาเซลเซียสน�้าหนักกด100กรัมเวลา5วินาทีไม่น้อยกว่า
ร้อยละของเพนิเทรชันเดิม
60 มอก.1201
11 จุดอ่อนตัวแตกต่างจากเดิมไม่เกิน องศาเซลเซียส +6 มอก.1216
12 ความยืดหยุ่นกลับ(ElasticRecovery)ที่อุณหภูมิ25องศาเซลเซียสระยะ10เซนติเมตรไม่น้อยกว่า
ร้อยละ 25 ASTMD6084
หมายเหตุมาตรฐานวิธีการทดสอบตามมอก.ASTMAASHTOและISให้ใช้เป็นปีล่าสุด
20 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
การเก็บรักษา ต้องเก็บไว้ในถังเก็บที่มีระบบการกวน การควบคุมอุณหภูมิและระยะเวลาใน
การน�าไปใช้งานหลังการผลิตแล้วเสร็จให้เป็นไปตามตารางที่2
ตารางที่ 2 การควบคุมอุณหภูมิและระยะเวลาในการน�าไปใช้งานหลังการผลิตแล้วเสร็จ
อุณหภูมิในถังเก็บ(องศาเซลเซียส)
ระยะเวลาไม่เกิน(ชั่วโมง)
180170160150140130
3412184872
ในกรณีมีเหตุจ�าเป็นที่ต้องเก็บรักษาแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่ก่อน
น�ามาใช้งานเป็นระยะเวลานานกว่าในตารางที่2ให้เก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ90-100องศาเซลเซียสจะเก็บ
ไว้ได้นาน14-20วันหากเก็บรักษาไว้ที่80องศาเซลเซียสจะเก็บไว้ได้นานมากกว่า20วันทั้งนี้แอสฟัลต์
ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติในถังเก็บจะต้องไม่เกิดการเสื่อมสภาพ ไม่เกิดการแตกตัวของ
วัสดุและต้องได้รับความเห็นชอบจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
4. เอกสารอ้างอิง 4.1 ปรีมนต์ เสถียรกาล. บันทึกส่วนวิเคราะห์วัสดุทางวิทยาศาสตร์ ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์
2545ผลการศึกษาเรื่องการทดลองยางแอสฟัลต์ซีเมนต์ผสมยางธรรมชาติ
4.2 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม.มอก.1182เล่ม2การทดสอบปิโตเลียมและผลิตภัณฑ์
ปิโตรเลียมเล่ม2จุดวาบไฟและจุดติดไฟโดยถ้วยเปิดคลีฟแลนด์
4.3 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม.มอก.1201วิธีทดสอบเพนิเทรชันของวัสดุยางมะตอย
4.4 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม.มอก.1202วิธีทดสอบความยืดดึงของวัสดุยางมะตอย
4.5 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม. มอก.1216 วิธีทดสอบจุดอ่อนตัวของวัสดุยางมะตอย
โดยใช้วงแหวนกับลูกปืน
4.6 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม.มอก.1223วิธีทดสอบผลของความร้อนและอากาศที่มี
ต่อสมบัติของวัสดุยางมะตอย
21หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
4.7 ส�านักวิเคราะห์และตรวจสอบ กรมทางหลวง ข้อก�าหนดพิเศษที่ สว.พิเศษ 1/2555
ข้อก�าหนดพิเศษ Natural RubberModified Asphalt Concrete ส�าหรับงานวิจัย
ก่อสร้างแปลงทดสอบแอสฟัลต์คอนกรีตผสมยางพารา ทางหลวงหมายเลข 305 กม.
51+750–กม.53+750RT.
4.8 ข้อก�าหนดที่ทล.-ก.409/2556กรมทางหลวงกระทรวงคมนาคม
4.9 AmericanAssociationofStateHighwayandTransportationOfficials.AASHTO
T315StandardmethodofTestforDeterminingtheRheologicalProperties
ofAsphaltBinderUsingaDynamicShearRheometer(DSR)
4.10 AmericanSociety forTestingandMaterials.ASTMD4402StandardTest
MethodforViscosityDeterminationofAsphaltatElevatedTemperatures
UsingaRotationalViscometer.
4.11 AmericanSociety forTestingandMaterials.ASTMD6084StandardTest
MethodforElasticRecoveryofBituminousMaterialsbyDuctilometer.
4.12 IndianStandardIS15462:2004PolymerandRubberModifiedBitumen–
Specification
4.13 PDThompson.NaturalRubberProducers‘ResearchAssociation(London)
theUseofNaturalRubberinRoadSurfacings.
4.14 มาตรฐานที่มทช.245–2557วัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ,
กรมทางหลวงชนบทกระทรวงคมนาคม
22 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
มถ. 246 – 2561มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
(Natural Rubber Modified Asphalt Concrete)
1. ขอบข่าย งานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ (Natural Rubber Modified
Asphalt Concrete) หมายถึง การน�าวัสดุผสมร้อนระหว่างวัสดุมวลรวม (Aggregate) กับแอสฟัลต์
ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ(NaturalRubberModifiedAsphaltCement)โดยควบคุม
อัตราส่วนผสมและอุณหภูมิให้ได้ตามที่ก�าหนด เพ่ือน�ามาใช้ในงานก่อสร้าง งานบูรณะ และงานบ�ารุง
รักษาทาง
2. วัสดุ งานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ประกอบด้วยวัสดุมวลรวมที่ได้จาก
การผสมวัสดุมวลหยาบ (CoarseAggregate) กับวัสดุมวลละเอียด (FineAggregate) ซึ่งอาจเพิ่มวัสดุ
ผสมแทรก (Mineral Filler) ได้ตามความเหมาะสม เพ่ือให้มีขนาดคละตามตารางที่ 1 และแอสฟัลต์
ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
2.1 วัสดุมวลหยาบหมายถึงส่วนที่ค้างตะแกรงขนาด4.75มิลลิเมตร(เบอร์4)เป็นหินย่อย
(CrushedRock)ตะกรันเหล็ก(Slag)หรือวัสดุอื่นใดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอนุมัติ
ให้ใช้ต้องเป็นวัสดุที่แข็งคงทนสะอาดปราศจากวัสดุไม่พึงประสงค์ใดๆที่ท�าให้แอสฟัลต์
คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติมีคุณภาพด้อยลง ในกรณีไม่ได้ระบุคุณสมบัติ
ของวัสดุมวลหยาบไว้เป็นอย่างอื่นต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
2.1.1 มีค่าของการสึกหรอ (Percentage ofWear) ไม่มากกว่าร้อยละ 35 ตามวิธีการ
ทดสอบท่ี มถ. (ท) 509 : มาตรฐานวิธีการทดสอบหาความสึกหรอของวัสดุชนิด
หยาบโดยใช้เครื่องมือทดสอบหาความสึกหรอLosAngelesAbrasion
2.1.2 มีค่าของส่วนที่ไม่คงทนไม่มากกว่าร้อยละ9ตามวิธีการทดสอบที่ มถ. (ท) 515 :
มาตรฐานวิธีการทดสอบหาค่าความคงทน (Soundness) ของมวลรวม โดยใช้
โซเดียมซัลเฟตจ�านวน5รอบ
23หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
2.1.3 มีแอสฟัลต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติเคลือบผิวของวัสดุมวลรวมหยาบ
ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ตามวิธีการทดสอบ AASHTO T 182 (Coating and
StrippingofBitumenAggregateMixtures)
2.1.4 มีค่าดรรชนีความแบนไม่มากกว่าร้อยละ35ตามวิธีการทดสอบหาค่าดรรชนีความ
แบน(FlakinessIndex)
2.1.5 มีค่าดรรชนีความยาวไม่มากกว่าร้อยละ 35 ตามวิธีการทดสอบหาค่าดรรชนี
ความยาว(ElongationIndex)
2.1.6 มีค่าปริมาณการแตกหักของวัสดุมวลรวมเมื่อถูกบดไม่มากกว่าร้อยละ 25 ตามวิธี
การทดสอบBS812:Part110“AggregateCrushingValue(ACV)”หรือมีค่า
ปริมาณการแตกหักของวัสดุมวลรวมเมื่อถูกแรงกระแทกไม่มากกว่าร้อยละ 25
ตามวิธีการทดสอบBS812:Part112“AggregateImpactValue(AIV)”
2.2 วัสดุละเอียด หมายถึง ส่วนที่ผ่านตะแกรงขนาด 4.75 มิลลิเมตร (เบอร์ 4) เป็นหินฝุ่น
ตะกรันเหล็ก หรือทราย และปราศจากวัสดุอื่นที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจท�าให้แอสฟัลต์
คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติมีคุณภาพด้อยลง ในกรณีไม่ได้ระบุคุณสมบัติ
ของวัสดุละเอียดไว้เป็นอย่างอื่นต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
2.2.1 มีค่าSandEquivalentไม่น้อยกว่าร้อยละ60ตามวิธีการทดสอบที่มถ.(ท)512
:มาตรฐานวิธีการทดสอบหาค่าความสมมูลย์ของทราย(SandEquivalent)
2.2.2 มีค่าของส่วนที่ไม่คงทนไม่มากกว่าร้อยละ9ตามวิธีการทดสอบที่ มถ. (ท) 515 :
มาตรฐานวิธีการทดสอบหาค่าความคงทน (Soundness) ของมวลรวม
โดยใช้โซเดียมซัลเฟตจ�านวน5รอบ
2.3 วัสดุผสมแทรกต้องแห้งไม่จับกันเป็นก้อนซึ่งอาจเป็นฝุ่นหินปูนซีเมนต์ปูนซีเมนต์ผสม
ปูนขาว หรือวัสดุอ่ืนใดท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอนุมัติให้ใช้ โดยใช้ผสมเพิ่มในกรณีที่
ส่วนละเอียดในวัสดุมวลรวมไม่พอ มีขนาดคละตามตารางที่ 2 ตามวิธีการทดสอบที่
มถ.(ท)508:มาตรฐานวิธีการทดสอบหาขนาดเม็ดของวัสดุในกรณีที่วัสดุผสมแทรกมีขนาด
คละแตกต่างไปจากตารางที่ 2 แต่เมื่อน�ามาใช้เป็นวัสดุผสมแทรกแล้วจะท�าให้แอสฟัลต์
คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติมีคุณภาพดีข้ึน จากท่ีออกแบบ ให้ใช้วัสดุนั้น
เป็นวัสดุผสมแทรกได้แต่ต้องได้รับอนุมัติจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
2.4 แอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติต้องมีคุณสมบัติตาม มถ.245 :
มาตรฐานวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
24 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
3. การออกแบบส่วนผสม 3.1 ก่อนเริ่มงานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติไม่น้อยกว่า30วันผู้รับจ้าง
ต้องด�าเนินการตามขั้นตอนที่3.1.1หรือ3.1.2ดังรายละเอียดต่อไปนี้
3.1.1 ผู ้รับจ้างต้องเสนอเอกสารการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุง
คุณภาพด้วยยางธรรมชาติต่อผู้ควบคุมงาน แล้วผู้ควบคุมงานต้องเก็บตัวอย่างวัสดุ
ที่จะใช้จากแหล่งที่ระบุในเอกสารการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีต
ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ พร้อมเอกสารการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์
คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ส่งให้หน่วยงานราชการหรือสถาบัน
การศึกษาที่มีศักยภาพเพ่ือท�าการตรวจสอบและรับรองผล ส�าหรับค่าใช้จ่ายในการนี้
ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้นหรือ
3.1.2 ผู ้รับจ้างประสานกับผู้ควบคุมงานเพื่อเก็บตัวอย่างวัสดุที่จะใช้จากแหล่งที่ระบ ุ
ในเอกสารการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยาง
ธรรมชาติ น�าส่งหน่วยงานราชการหรือสถานบันการศึกษาที่มีศักยภาพเพื่อท�าการ
ออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติส�าหรับค่า
ใช้จ่ายในการนี้ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น
3.2 คุณสมบัติของวัสดุที่จะใช้ท�าแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ขนาดคละและปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ให้เป็นไปตาม
ตารางที่1
3.3 ข้อก�าหนดในการออกแบบแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ให้เป็นไปตามตารางที่3
3.4 ผู้ควบคุมงานต้องตรวจสอบเอกสารการออกแบบ ส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุง
คุณภาพด้วยยางธรรมชาติ พร้อมทั้งพิจารณาเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ (Tolerant
Limit)ของวัสดุต่างๆตามตารางที่4เพื่อใช้ควบคุมงานนั้นๆ
3.5 การผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่โรงงานผสม ถ้ามวลรวม
ขนาดหนึ่งขนาดใด หรือปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ หรือ
คุณสมบัติอื่นใดคลาดเคลื่อนเกินกว่าขอบเขตที่ก�าหนดไว้ในสูตรส่วนเฉพาะงานจะถือส่วน
ผสมของแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติท่ีผสมไว้ในคร้ังน้ัน
มีคุณภาพไม่ถูกต้องตามที่ก�าหนดผู้รับจ้างจะต้องท�าการปรับปรุงแก้ไข
3.6 ผู้รับจ้างอาจขอเปลี่ยนสูตรส่วนผสมเฉพาะงานใหม่ได้ ถ้าวัสดุที่ใช้ผสมแอสฟัลต์คอนกรีต
ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติเกิดการเปล่ียนแปลง โดยต้องได้รับความเห็นชอบจาก
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ให้อยู่ในเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ในสูตรส่วน
ผสมเฉพาะงานตามตารางที่4
25หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
3.7องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถตรวจสอบแก้ไข เปลี่ยนแปลงปรับปรุงหรือก�าหนด
สูตรส่วนผสมเฉพาะงานใหม่ได้ตามความเหมาะสมตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ให้อยู่ใน
เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ในสูตรส่วนผสมเฉพาะงานตามตารางที่4
4. เครื่องจักรและเครื่องมือที่ใช้ในการก่อสร้าง เครื่องจักรและเครื่องมือทุกชนิดที่น�ามาใช้งานต้องมีสภาพใช้งานได้ดี โดยต้องผ่านการตรวจ
สอบและหรือสอบเทียบ และผู้ควบคุมงานอนุญาตให้ใช้งานได้ ในระหว่างการก่อสร้างผู้รับจ้างต้องบ�ารุง
รักษาเครื่องจักรและเครื่องมือทุกชนิดให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
4.1 โรงงานผสมแอสฟัลต์คอนกรีตต้องตั้งอยู่ในระยะทางที่สามารถขนส่งโดยควบคุมอุณหภูมิ
ของส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติได้ตามท่ีก�าหนดและ
ระยะเวลาในการขนส่งต้องไม่เกิน 2 ชั่วโมง โรงงานผสมแอสฟัลต์คอนกรีต อาจเป็น
โรงงานผสมแบบชุดหรือแบบผสมต่อเนื่องแต่ต้องสามารถผลิตส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีต
ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติเพื่อป้อนเครื่องปูให้สามารถปูได้อย่างต่อเนื่อง และเป็น
ส่วนผสมท่ีมีคุณภาพสม�่าเสมอตรงตามสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน มีอุณหภูมิถูกต้องตามข้อ
ก�าหนดหากไม่ได้ระบุก�าลังผลิตไว้เป็นอย่างอื่นต้องมีก�าลังการผลิตได้ไม่น้อยกว่า80ตัน
ต่อชั่วโมงและต้องมีเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆอย่างน้อยดังต่อไปนี้
4.1.1 อุปกรณ์ส�าหรับการเตรียมแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ต้องมีถังเก็บแอสฟัลต์ขนาดความจุไม่น้อยกว่า30ตันพร้อมอุปกรณ์ให้ความร้อน
ประเภทที่ไม่มีเปลวไฟสัมผัสกับถังโดยตรงเช่นท่อเวียนไอน�้าร้อนน�้ามันร้อนหรือ
ประเภทใช้ไฟฟ้า และต้องมีระบบท�าให้แอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยาง
ธรรมชาติไหลเวียนอย่างสม�่าเสมอ พร้อมกับอุปกรณ์รักษาอุณหภูมิของแอสฟัลต์
ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่ในระบบให้มีอุณหภูมิตาม
ที่ก�าหนด
4.1.2 ยุ้งหินเย็นให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.1.3 หม้อเผาให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.1.4 ชุดตะแกรงร่อนให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.1.5 ยุ้งหินร้อนให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.1.6 เครื่องดักฝุ่นให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.1.7 เครื่องวัดอุณหภูมิ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.313 : มาตรฐานงานแอสฟัลต์
คอนกรีต
26 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
4.1.8 ชุดอุปกรณ์ควบคุมปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ต้องสามารถควบคุมปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ที่ใช้ให้อยู่ในช่วงที่ก�าหนดไว้ในสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน ทั้งนี้อาจใช้วิธีช่ังมวลหรือ
วิธีวัดปริมาตรกรณีใช้วิธีชั่งมวลเครื่องชั่งต้องมีความละเอียดไม่น้อยกว่าร้อยละ2
ของมวลแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่ต้องการใช้ผสม
กรณีที่ใช้วิธีวัดปริมาตร มาตรที่ใช้วัดอัตราการไหลของแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุง
คุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่ปล่อยเข้าสู่ห้องผสมจะต้องเที่ยงตรง โดยยอมให้มี
ความคลาดเคลื่อนจากปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ที่ต้องการใช้เมื่อเทียบเป็นมวลไม่เกินร้อยละ2
4.1.9 ข้อก�าหนดส�าหรับโรงงานผสมแบบชุด
(1) ถังชั่งมวลรวม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.313 : มาตรฐานงานแอสฟัลต ์
คอนกรีต
(2) ห้องผสมให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
(3) เครื่องชั่งให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
(4) การควบคุมปริมาตรมวลรวมและแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วย
ยางธรรมชาติ ต้องสามารถควบคุมอัตราส่วนให้ถูกต้องตามสูตรส่วนผสม
เฉพาะงาน
4.1.10 ข้อก�าหนดส�าหรับโรงงานผสมแบบต่อเนื่อง
(1) ชุดอุปกรณ์ควบคุมมวลรวมให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงาน
แอสฟัลต์คอนกรีต
(2) อุปกรณ์ควบคุมการป้อนมวลรวมและแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วย
ยางธรรมชาติต้องเป็นแบบขับเคลื่อนที่สัมพันธ์กันเพื่อให้ป้อนมวลรวมแต่ละ
ขนาดและแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติเข้าสู่ห้องผสม
ได้อัตราส่วนผสมที่คงที่ตลอดเวลา
(3) ชุดห้องผสม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.313 : มาตรฐานงานแอสฟัลต์
คอนกรีต
(4) ยุ้งพักส่วนผสม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.313 : มาตรฐานงานแอสฟัลต์
คอนกรีต
(5) อุปกรณ์สัญญาณแจ้งปริมาณมวลรวมในยุ้งหินร้อนส�าหรับส่งสัญญาณแจ้งให้
ทราบว่าปริมาณมวลรวมในยุ้งหินร้อนมีปริมาณเพียงพอที่จะด�าเนินการต่อไป
27หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
4.2 รถบรรทุกให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.3 เครื่องปูให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.4 เครื่องจักรบดทับ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.317 : มาตรฐานงานโพลิเมอร์ โมดิฟายต์
แอสฟัลต์คอนกรีต
4.5 เครื่องพ่นแอสฟัลต์ให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.6 เครื่องจักรและเครื่องมือท�าความสะอาดพ้ืนท่ีท่ีจะก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐาน
มถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.7 เครื่องมือประกอบให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
4.8 เครื่องมือทดลองและห้องปฏิบัติการทดลองให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.313 : มาตรฐาน
งานแอสฟัลต์คอนกรีต
5. การเตรียมการก่อนการก่อสร้าง 5.1 การเตรียมสถานที่ตั้งโรงงานผสมและกองวัสดุให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐาน
งานแอสฟัลต์คอนกรีต
5.2 การเตรียมมวลรวมและวัสดุผสมแทรกให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.313 : มาตรฐานงาน
แอสฟัลต์คอนกรีต
5.3 การเตรียมแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติถังเก็บต้องมีอุณหภูมิเป็น
ไปตาม มถ. 245 : มาตรฐานวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
เม่ือจะผสมกับมวลรวมที่โรงงานผสมต้องให้ความร้อนจนมีอุณหภูมิ 170 ± 5 องศาเซลเซียส
หรือมีอุณหภูมิตามข้อแนะน�าการใช้งานผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู ้ผลิตแอสฟัลต์ซีเมนต์
ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติหรือมีอุณหภูมิตามที่ระบุไว้ในสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน
การจ่ายแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติไปยังห้องผสมจะต้องเป็นไป
โดยต่อเนื่องและมีอุณหภูมิตามที่ก�าหนด
5.4 การเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง ให้เป็นไปตามมาตรฐาน
มถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
5.5 การเตรียมพื้นท่ีก่อสร้าง ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.313 : มาตรฐานงานแอสฟัลต์
คอนกรีต
28 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
6. การก่อสร้าง 6.1 การควบคุมการผลิตส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ที่โรงงานผสมมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
6.1.1 การควบคุมคุณภาพส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
วัสดุมวลรวมและแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ต้องมี
คุณสมบัติตามข้อ 2 คุณภาพของส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพ
ด้วยยางธรรมชาติต้องสม�่าเสมอตรงตามสูตรส่วนผสมเฉพาะงานที่ได้ก�าหนดขึ้น
6.1.2 การควบคุมเวลาในการผสมส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วย
ยางธรรมชาติ โรงงานผสมต้องมีเครื่องต้ังเวลาและควบคุมเวลาแบบอัตโนมัติ
ที่สามารถตั้งและปรับเวลาในการผสมแห้งและผสมเปียกได้ตามต้องการส�าหรับ
โรงงานผสมแบบชุด ระยะเวลาในการผสมแห้งและผสมเปียกควรใช้ประมาณ
15วินาทีและ30วินาทีตามล�าดับส�าหรับโรงงานผสมแบบต่อเนื่องระยะเวลาใน
การผสมให้ค�านวณจากสูตรตามข้อ 4.1.10 (3) ในการผสมส่วนผสมแอสฟัลต์
คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติโดยโรงงานผสมทั้ง2แบบต้องได้ส่วน
ผสมที่สม�่าเสมอ ในกรณีท่ีผสมกันตามเวลาท่ีก�าหนดไว้แล้ว แต่ยังผสมกันได้ไม่
สม�่าเสมอตามที่ต้องการ ให้เพิ่มเวลาในการผสมขึ้นอีกได้ แต่เวลาที่ใช้ในการผสม
ทั้งหมดต้องไม่เกิน60วินาทีทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ควบคุมงานการก�าหนด
เวลาในการผสมของโรงงานผสมใดๆ ให้ก�าหนดโดยการทดลองหาปริมาณท่ี
แอสฟัลต์เคลือบผิวมวลรวมตามวิธีการทดลองAASHTOT195“Determining
Degree of Particle Coating of Bituminous-Aggregate Mixtures”
โดยปริมาณที่แอสฟัลต์เคลือบผิวมวลรวมต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ95
6.1.3 การควบคุมอุณหภูมิของวัสดุก่อนการผสมและอุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลต์
คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ให้เป็นไปตามข้อแนะน�าการใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้ผลิตแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
กรณีไม่ระบุเป็นอย่างอื่น ให้ใช้อุณหภูมิของวัสดุก่อนการผสมและอุณหภูมิของ
ส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติดังต่อไปนี้
(1) วัสดุมวลรวมก่อนการผสมต้องให้ความร้อนจนได้อุณหภูมิ170±10องศาเซลเซียส
และมีความชื้นไม่เกินร้อยละ1โดยน�้าหนักของวัสดุมวลรวมและเมื่อขณะผสม
กับแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติท่ีโรงงานผสมจะต้องมี
อุณหภูมิตรงตามที่ระบุไว้ในสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน
29หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
(2) แอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ขณะเก็บในถังต้องมี
อุณหภูมิเป็นไปตามมถ.245:มาตรฐานวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพ
ด้วยยางธรรมชาติเมื่อจะผสมกับมวลรวมที่โรงงานผสมจะต้องให้ความร้อนจน
ได้อุณหภูมิ170±5องศาเซลเซียสหรือตามที่ระบุไว้ในสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน
(3) ส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติเมื่อผสมเสร็จ
ก่อนน�าออกจากโรงงานผสมจะต้องมีอุณหภูมิระหว่าง170±10องศาเซลเซียส
หรือตามท่ีระบุไว้ในสูตรส่วนผสมเฉพาะงาน ถ้ามีอุณหภูมิแตกต่างไปกว่าที่
ก�าหนดนี้ ห้ามน�าส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยาง
ธรรมชาติดังกล่าวไปใช้งาน
(4) ต้องมีการบันทึกอุณหภูมิของมวลรวมที่ผ่านหม้อเผา อุณหภูมิของแอสฟัลต์
ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติขณะก่อนผสมกับมวลรวม และ
อุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ตลอดเวลาท่ีปฏิบัติงานโดยใช้เครื่องบันทึกอุณหภูมิแบบอัตโนมัติพร้อมที่จะให้
ตรวจสอบได้ตลอดเวลาและผู้รับจ้างจะต้องส่งบันทึกรายการอุณหภูมิดังกล่าว
ประจ�าวันแก่ผู้ควบคุมงานทุกวันที่ปฏิบัติงาน
(5) การวัดอุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยาง
ธรรมชาติท่ีอยู่ในรถบรรทุก ต้องใช้เคร่ืองวัดอุณหภูมิที่อ่านอุณหภูมิได้อย่าง
รวดเร็วการวัดอุณหภูมิให้วัดจากรถบรรทุกทุกคันแล้วจดบันทึกอุณหภูมิไว้
6.2 การขนส่งส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ให้เป็นไปตาม
มาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
6.3 การปูส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติให้เป็นไปตาม
มาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีตทั้งนี้อุณหภูมิของส่วนผสมแอสฟัลต์
คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติขณะปู ไม่ควรต�่ากว่าอุณหภูมิตามข้อ
6.1.3(3)เกิน14องศาเซลเซียสการตรวจวัดอุณหภูมิจะต้องด�าเนินการเป็นระยะๆตลอดเวลา
ของการปู หากปรากฏว่าอุณหภูมิไม่ถูกต้องตามท่ีก�าหนด ให้ตรวจสอบหาสาเหตุและ
แก้ไขโดยทันที
6.4 การบดทับชั้นทางแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติให้เป็นไปตาม
มถ.313 : มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต ทั้งนี้อุณหภูมิในการบดทับขั้นต้น (Initial or
BreakdownRolling)ต้องไม่ต�่ากว่า 140องศาเซลเซียสหรือตามค�าแนะน�าของบริษัท
ผู ้ผลิต ส่วนขั้นตอนการบดทับข้ันกลาง (Intermediate Rolling) และการบดทับ
ขั้นสุดท้าย(FinishRolling)ให้ด�าเนินการโดยต่อเนื่องทันที
30 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
7. การตรวจสอบแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ หลักเกณฑ์ในการตรวจสอบชั้นทางแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จมีอย่างน้อย3ประการดังต่อไปนี้
7.1 ลักษณะผิว(SurfaceTexture)ให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์
คอนกรีต
7.2 ความเรียบที่ผิว(SurfaceTolerance)ให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงาน
แอสฟัลต์คอนกรีต
7.3 ความแน่น(Density)ให้เป็นไปตามมาตรฐานมถ.313:มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
8. การอ�านวยการและควบคุมการจราจรระหว่างการก่อสร้าง การอ�านวยการและควบคุมการจราจรระหว่างการก่อสร้าง ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มถ.313 :
มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีต
ตารางที่1 ขนาดคละของมวลรวมและปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ชั้นทาง Wearing CourseBinder Course
Base Course
ขนาดที่ใช้เรียกมิลลิเมตร 9.5 12.5 19.0 25.0
นิ้ว 3/8 ½ ¾ 1
ความหนา(มิลลิเมตร) 25–35 40-70 40-80 70–100
ขนาดตะแกรงปริมาณผ่านตะแกรงร้อยละโดยมวล
มิลลิเมตร นิ้ว
37.5 1½ 100
25.0 1 100 90–100
19.0 ¾ 100 90–100 -
12.5 ½ 100 80–100 - 56–80
9.5 3/8 90–100 - 56–80 -
4.75 เบอร์4 55–85 44–74 35–65 29–59
31หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ชั้นทาง Wearing CourseBinder Course
Base Course
2.36 เบอร์8 32–67 28–58 23–49 19–45
1.18 เบอร์16 - - - -
0.600 เบอร์30 - - - -
0.300 เบอร์50 7–23 5–21 5–19 5–17
0.150 เบอร์100 - - - -
0.075 เบอร์200 2-10 2-10 2-8 1-7
ปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
(ร้อยละโดยน้�าหนักของมวลรวม)4.0–8.0 3.0–7.0 3.0–6.5 3.0–6.0
หมายเหตุ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาจพิจารณาเปล่ียนแปลงขนาดคละของมวลรวม และปริมาณ
แอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่ใช้ แตกต่างจากตารางที่ 1 ก็ได้ ทั้งนี้
แอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติที่ได้ ต้องมีคุณสมบัติและความแข็งแรง
ถูกต้องตามตารางที่3และต้องได้รับความเห็นชอบจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตารางที่ 2 ขนาดคละของวัสดุผสมแทรก
ขนาดตะแกรงมิลลิเมตร
ร้อยละผ่านตะแกรงโดยน�้าหนัก
0.600(เบอร์30) 100
0.300(เบอร์50) 75–100
0.075(เบอร์200) 55-100
32 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ตารางที่ 3 ข้อก�าหนดในการออกแบบแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ชั้นทาง Wearing Course Binder Course Base Course
ขนาดที่ใช้เรียกมิลลิเมตร(นิ้ว)
9.5(3/8)
12.5(1/2)
19.0(3/4)
25.0(1)
ความหนามิลลิเมตร 25–35 40-70 40-80 70-100
NumberofBlows(EachEnd) 75 75 75 75
StabilityNMin.(lb)Min.
9786(2200)
9786(2200)
9786(2200)
9786(2200)
Flow0.25mm(0.01in.) 9-17 9-17 9-17 9-17
PercentAirVoids 3–5 3-5 3-6 3-6
PercentVoidsinMineralAggregate(VMA)Min.
15 14 13 12
Stability/FlowMin.N/0.25mm(lb/0.01in.)
750170
750170
750170
750170
PercentStrengthIndexMin. 75 75 75 75
หมายเหตุ (1) การทดสอบเพื่อออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
ให้ด�าเนินการตาม มถ. (ท) 607 : มาตรฐานการทดสอบแอสฟัลต์คอนกรีตโดยวิธ ี
มาร์แชลล์ (Marshall) โดยใช้อุณหภูมิในการทดสอบตามข้อแนะน�าของบริษัทผู้ผลิต
แอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ
(2)การทดสอบหาค่าดัชนีความแข็งแรง(StrengthIndex)ให้ด�าเนินการตามวิธีการทดลอง
ที่ทล.-ท.413:วิธีการทดลองหาค่าดัชนีความแข็งแรงของส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีต
33หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ตารางที่ 4 เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ของวัสดุต่างๆส�าหรับสูตรผสมเฉพาะงาน
วัสดุ เปอร์เซ็นต์
1.มวลรวม
1.1 ผ่านตะแกรงขนาด2.36มิลลิเมตร(เบอร์8)และขนาดใหญ่กว่า
1.2 ผ่านตะแกรงขนาด1.18มิลลิเมตร(เบอร์16)0.600มิลลิเมตร
(เบอร์30)และ0.300มิลลิเมตร(เบอร์50)
1.3 ผ่านตะแกรงขนาด0.150มิลลิเมตร(เบอร์100)
1.4 ผ่านตะแกรงขนาด0.075มิลลิเมตร(เบอร์200)
±5
±4
±3
±2
2.ปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ ±0.3
9. เอกสารอ้างอิง 9.1 มาตรฐานที่ มทช. 246 – 2557 มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วย
ยางธรรมชาติ,กรมทางหลวงชนบทกระทรวงคมนาคม
34 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
35หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
คณะท�างานปรับปรุงมาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่นและมาตรฐานการทดสอบวัสดุงานทางส�าหรับ อปท.
36 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ค�าสั่งกรมทางหลวงชนบท
ที่๒๑๗๔/๒๕๖๐
เรื่องแต่งตั้งคณะท�างานปรับปรุงมาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น
และมาตรฐานการทดสอบวัสดุงานทางส�าหรับอปท.
....................................................................................................
ตามที่กรมทางหลวงชนบทได้มีค�าสั่งที่๒๑๑๗/๒๕๕๘ลงวันที่๖ตุลาคม๒๕๕๘เรื่องแต่งตั้ง
คณะท�างานปรับปรุงมาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่นและมาตรฐานการทดสอบวัสดุงานทางส�าหรับอปท.นั้น
เนื่องจากคณะท�างานปรับปรุงมาตรฐานฯ มีการโยกย้ายและเปลี่ยนแปลงต�าแหน่งข้าราชการ
จ�านวนหลายท่าน และเพื่อให้การด�าเนินงานปรับปรุงมาตรฐานมีความถูกต้องตามหลักวิศวกรรมงานทางและ
เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่ใช้ด�าเนินงานอยู่ในปัจจุบันให้เป็นไปตามกฎหมายทางหลวงก�าหนดจึงเห็นควรยกเลิก
ค�าสั่งกรมทางหลวงชนบทที่๒๑๑๗/๒๕๕๘ลงวันที่๖ตุลาคม๒๕๕๘ดังกล่าวและแต่งตั้งคณะท�างาน
ปรับปรุงมาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่นและมาตรฐานการทดสอบวัสดุงานทางส�าหรับอปท.ซึ่งประกอบด้วย
๑.นายสุพน เดชพลมาตย์ ผส.สท. ประธานคณะท�างาน
๒.นายวีรเดช ชีวาพัฒนานุวงศ์ ผอ.กลุ่มส�ารวจ(สสอ.) คณะท�างาน
๓.นายอาคม ตันติพงศ์อาภา ผอ.กมท.(สสท.) คณะท�างาน
๔.นายอภิชัย วชิระปราการพงษ์ ผอ.กลุ่มโครงสร้างพิเศษ(สกส.) คณะท�างาน
๕.นายสันติภาพ ศิริยงค์ ผอ.กลุ่มพัฒนาวิศวกรรมจราจร(สอป.) คณะท�างาน
๖.นายภูมิรัฐ ทองอุดม ผอ.กลุ่มวิชาการและแผนงาน(สอร.) คณะท�างาน
๗.นางสาวจีรนุช โหนดแจ่ม ผอ.กลุ่มกฎหมาย(สกม.) คณะท�างาน
๘.นายกิตติ มโนคุ้น ผอ.กลุ่มพัฒนาระบบบริหารงานบ�ารุง(สบร.) คณะท�างาน
๙.นายบุญจอม พรหมทอง ผอ.กพท.(สสท.) คณะท�างาน
๑๐.นายบุญอนันต์ มิตรประสิทธิ์ ผอ.ส่วนตรวจสอบและวิเคราะห์(สทช.ที่๑) คณะท�างาน
๑๑.นายอนันท์ ธานี ผอ.ส่วนตรวจสอบและวิเคราะห์(สทช.ที่๒) คณะท�างาน
๑๒.นายชาญยุทธ กองเกิด ผอ.ส่วนตรวจสอบและวิเคราะห์(สทช.ที่๓) คณะท�างาน
๑๓.นายอิชย์ ศิริประเสริฐ วิศวกรโยธาช�านาญการ(สทช.ที่๔) คณะท�างาน
๑๔.นายณัฐวิทย์ เวียงยา วิศวกรโยธาช�านาญการ(สวว.) คณะท�างาน
37หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
๑๕.นายนิติกร คล้ายชม ผอ.กปท.(สสท.) คณะท�างาน
๑๖. ว่าที่ร.ต.ถิรวัจน์ผกผ่า วิศวกรโยธาช�านาญการ(สสท.) คณะท�างาน
๑๗.นายเอกชัย พรมด�า วิศวกรโยธาช�านาญการ(สสท.) คณะท�างาน
๑๘.นายอิสระชนม์ คงช่วย วิศวกรโยธาปฏิบัติการ(สกท.) คณะท�างาน
๑๙.นายทวีศักดิ์ ปานจันทร์ วิศวกรโยธาปฏิบัติการ(สสท.) คณะท�างาน
๒๐.นายกฤษฎิ์ เมลืองนนท์ วิศวกรโยธาปฏิบัติการ(สสท. คณะท�างานและเลขานุการ
๒๑.นายธนานันต์ จิระณรงค์ศิริ วิศวกรโยธาปฏิบัติการ(สสท.) คณะท�างานและ
ผู้ช่วยเลขานุการ
โดยคณะท�างานฯมีหน้าที่ดังนี้
๑.ตรวจสอบ กลั่นกรอง ปรับปรุง และจัดท�ามาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น มาตรฐานการ
ทดสอบวัสดุงานทางและมาตรฐานอื่นๆส�าหรับอปท.
๒.จัดท�าคู่มือการใช้งานมาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น มาตรฐานการทดสอบวัสดุงานทาง
และมาตรฐานอื่นๆส�าหรับอปท.
๓.ด�าเนินการเสนอกรมทางหลวงชนบท เพื่อประกาศใช้มาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น
มาตรฐานการทดสอบวัสดุงานทางและมาตรฐานอื่นๆส�าหรับอปท.
๔.ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมาย
ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่งณวันที่๒๑พฤศจิกายนพ.ศ.๒๕๖๐
(นายพิศักดิ์จิตวิริยะวศิน)
อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
38 หมวดงานทาง
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
คณะที่ปรึกษา
อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท
วิศวกรใหญ่กรมทางหลวงชนบท
ผู้อ�านวยการส�านักส่งเสริมการพัฒนาทางหลวงท้องถิ่น
ผู้อ�านวยการส�านักวิเคราะห์วิจัยและพัฒนา
ผู้อ�านวยการส�านักส�ารวจและออกแบบ
ผู้อ�านวยการส�านักก่อสร้างทาง
ผู้อ�านวยการส�านักก่อสร้างสะพาน
ผู้อ�านวยการส�านักบ�ารุงทาง
ผู้อ�านวยการส�านักอ�านวยความปลอดภัย
ผู้อ�านวยการส�านักฝึกอบรม
ผู้อ�านวยการส�านักงานทางหลวงชนบทที่๑-๑๘
Ø มาตรฐานงานฉาบผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล(ParaSlurrySeal)
Ø มาตรฐานงานผิวจราจรแบบพาราเคพซีล(ParaCapeSeal)
Ø มาตรฐานวัสดุแอสฟัลต์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ (NaturalRubberModifiedAsphaltCement)
Ø มาตรฐานงานแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ (NaturalRubberModifiedAsphaltConcrete)
มาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น(การใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมในงานก่อสร้างและซ่อมบำารุงทาง)
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม