บทที่ 5...
Post on 27-Jan-2020
5 Views
Preview:
TRANSCRIPT
98
บทที่ 5 การออกแบบระบบควบคุมอัตโนมัติ
ในการออกแบบระบบงานอตัโนมัตินัน้ เร่ิมตนจากศึกษาถงึความตองการและปญหาในการ
ทํางานแลวนํามาวาดภาพตาํแหนงอุปกรณทํางาน (Positional Sketch) เพื่อแสดงรูปแบบการทาํงานและตําแหนงของอุปกรณที่ใชงานดังแสดงในรูปที ่ 5.1 แลวจึงอธิบายขัน้ตอนการทาํงานของแตอุปกรณวามีลําดับและจังหวะการทาํงานที่สัมพันธกันอยางไร ดวยแผนภาพการทาํงาน(Function diagram) หรือแสดงดวยลําดับการทํางานอยางยอ ซึง่จะกลาวตอไปในหวัขอที่ 5.1
รูปที่ 5.1 แสดงตัวอยางการใชกระบอกสูบในงานปม
5.1 การออกแบบการทาํงานระบบอัตโนมัติ
การอธิบายการเคลื่อนที่ของกระบอกสูบหรืออุปกรณทํางานทีม่ีความสัมพันธกับจงัหวะหรือชวงเวลาการทาํงาน โดยมีลําดับการทํางานที่แนนอน (Sequence Control) ทําได 2 วิธีดังตารางที ่5.1
ตารางที่ 5.1 แสดงรูปแบบการเคลื่อนที่และลําดับงานของกระบอกสบู
1. ลําดับการทาํงานอยางยอ ( abbreviated notation ) A+ / B+ / A- / B- 2. แผนภาพการเคลื่อนที ่ (Displacement-step diagram) - เวลา และ - ระยะชักของกานกระบอกสูบ (Displacement-time diagram) - จังหวะ และ - ระยะชักของลูกสูบ
99
จากตารางที ่ 5.1 การทํางานในแตละจังหวะตองเสร็จส้ินแลวจึงจะทาํงานในจงัหวะถัดไป การออกแบบการทาํงานของอุปกรณนัน้สามารถอธิบายดวยสัญลักษณขอความหรอืแผนภาพที่แสดงตําแหนงและจงัหวะการทาํงานหรือชวงเวลาทาํงานที่กาํหนด
การเขียนลําดับการทาํงานอยางยอ ( abbreviated notation )
เปนการกําหนดรหัสใหอุปกรณหรือกระบอกสูบดวยตัวอกัษรและแสดงลําดับการทํางาน โดยการเขียนรหัสของอุปกรณทีท่ํางานและเครื่องแสดงการเคลื่อนที่ของกานสูบ โดยเครื่องหมาย (+) หมายถงึกระบอกสูบเคลื่อนที่ออก และเครื่องหมาย ( - ) หมายถงึการเคลื่อนทีเ่ขา เรียงลําดบัการทํางานกอนหลังตอเนื่องกัน แสดงตัวอยางและความหมายดังแสดงดวยตารางที ่5.2
ตารางที่ 5.2 แสดงความหมายของลาํดบัเหตุการณแบบตัวอักษร (A+/B+/A-/B-)
ลําดับ สัญลักษณ ตําแหนงกานสูบกอนการสั่งงาน คําสั่งควบคุม การทาํงาน
1 A + เขาสุด เร่ิมตน ส่ังใหกระบอกสูบ Aเคลื่อนทีอ่อก (+) A เคลื่อนออกจนสุดแลว
2 B + เขาสุด ส่ังใหกระบอกสูบ B เคลื่อนที่ออก(+) B เคลื่อนออกจนสุดแลว
3 A - ออกสุด ส่ังใหกระบอกสูบ A เคลื่อนที่เขา(-) A เคลื่อนเขาจนสุดแลว
4 B - ออกสุด ส่ังใหกระบอกสูบ B เคลื่อนที่เขา(-) B เคลื่อนเขาจนสุดแลว
การเขียนลาํดบัการทาํงานอยางยอนัน้ประกอบดวยรูปแบบการทาํงานหลายลกัษณะ ไดแก - การทาํงานพืน้ฐานเชงิเดียว - การทาํงานเชิงซอน - การทาํงานแบบ วัฏจักร - การทาํงานแบบโปรแกรม
100
การทาํงานแบบเชิงเดียว คือ การที่อุปกรณแตละตัวจะทํางานตามลําดับตอเนือ่งกัน โดยแตละอุปกรณจะทาํงานครั้งละหนึ่งตัวตอหนึง่จังหวะเดยีว แสดงตวัอยางการใชงานดังแสดงในรูปที่ 5.2
รูปที่ 5.2 การเขียนลําดับการอยางยอในการอธิบายการทํางานของชุดลําเลียงชิ้นงานอัตโนมัติ
101
การทาํงานแบบเชิงซอน คือ การที่อุปกรณหลายตัวทีท่ํางานพรอมกันในจังหวะเดียวกนั โดยการเขียนรหัสไวในบรรทดัทัดไปในตําแหนงตรงกนั ดังแสดงตัวอยางการใชงานดงัรูปที่ 5.3
รูปที่ 5.3 แสดงรหัสอยางยอในการแสดงรูปแบบการทาํงานแบบเชงิซอนของชุดเคลื่อนยายชิ้นงาน
การทาํงานแบบวนวัฏจกัร คือ การทีอุ่ปกรณมีจังหวะการทํางานแบบวนรอบ จํานวนรอบ
การทาํงานกํากับดวยขอความ ณ จังหวะเริ่มตนถึงจงัหวะสุดทายทีท่ํางานซ้ํา แสดงดังรูปที่ 5.4
(ก) ชุดบรรจุทรงกลมใสกลองอัตโนมัติ ( 1 กลองบรรจุ 4 ชิ้นงาน)
(ข) ชุดลอกยกชิ้นงานอัตโนมติั (จํานวนรอบไมเกิน 10 รอบ)
รูปที่ 5.4 แสดงรหัสอยางยอในการแสดงรูปแบบการทาํงานวนรอบ
102
การทาํงานแบบโปรแกรม คือ การทํางานที่ระบบสามารถทาํงานไดมากกวาหนึง่วิธ ี หรือหลายรูปแบบ โดยผูควบคมุสามารถเลือกโปรแกรมการทํางานได แตละโปรแกรมจะมีการกําหนดชื่อไวอยางชัดเจน ดังแสดงตัวอยางการใชงานดังรูปที่ 5.4 (ข) และ 5.5
(ก) ชุดยกชิน้งานชัง่น้าํหนักอัตโนมัติ
(ข) ชุดบรรจุสารลงกลองอัตโนมัติ
รูปที่ 5.5 แสดงรหัสอยางยอที่แสดงการทํางานแบบกําหนดโปรแกรม
103
การเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ (Displacement-step diagram or Motion diagram)
เปนการแสดงความสัมพันธระหวางตําแหนงหรือระยะทางของอุปกรณทํางาน(ชวงชักของกระบอกสูบ) กับจังหวะหรือเวลาในการทํางาน โดยมีลําดับการทาํงานตอเนื่องกนัดังแสดงในรูปที่ 5.6
แกน X คือ จังหวะการทาํงาน ข้ันตอนหรือเวลาในการทํางาน ตามลาํดับกอนหลัง แกน Y คือ ระยะชวงชกัของกานสูบ หรือ ตําแหนงของอปุกรณที่เคลื่อนที ่
รูปที่ 5.6 แสดงรูปแบบในการเขียนแผนภาพเคลื่อนทีข่องกระบอกสบู
กรณีแกน X แสดงจังหวะการทาํงาน ใชในการออกแบบระบบงาน ที่ไมมีการควบคุมเวลาการทํางานอยางเทีย่งตรง ตัวอยางเชน งานขนยาย การประกอบชิ้นสวน งานเจาะ เปนตน โดยแสดงความสัมพนัธของตําแหนงการเคลื่อนที่และลาํดับการทํางานของกานสูบ ดังรูปที่ 5.7 แสดงลําดับของจังหวะการทํางานดวยตัวเลขหรอืชื่อข้ันตอนทีม่ีระยะหางในแนวแกน X คงที ่
รูปที่ 5.7 แสดงแผนภาพการทํางานจากรูปที่ 5.1 (Displacement-Step Diagram)
กรณีแกน X แสดงเวลาทีก่ําหนดในการทํางาน ใชในการออกแบบทํางานทีเ่วลามีผลตอผลสําเร็จงาน ตัวอยางเชน ในกระบวนการผลิตยา สารเคมี ทีต่องควบคุมเวลาในการทาํปฏิกิริยาที่แนนอน เปนตน โดยแนวแกน X แสดงระยะเวลาของการทาํงานที่แนนอน เพื่อแสดงใหเหน็ความแตกตางของเวลาในการทํางานในแตละจังหวะและการเคลื่อนที่ของกานสูบอยางชัดเจนดังแสดงในรูปที่ 5.8 แสดงตัวอยางการใชงานดังรูปที่ 5.9
104
รูปที่ 5.8 แสดงแผนภาพการทํางานจากรูปที่ 5.1 (Displacement-time Diagram)
หมายเหต ุ ปกติถามกีารเขียน “( = 0)” หรือ “( = 1)” ในจังหวะสุดทายนัน้มีความหมาย คือ เมื่อ ส้ินสุดการทํางานในจังหวะสดุทายแลว อุปกรณและลิ้นวาลวควบคุมทกุตัวจะเคลื่อนที่กลับมาสถานะปกติเหมือนในจังหวะเริ่มการทํางานเสมอ เพื่อพรอมในการทํางานครั้งตอไป
(ก) เครื่องบรรจุขวดอัตโนมติั
รูปที่ 5.9 แสดงตัวอยางการใชงานแผนภาพการทํางานของอุปกรณ
105
(ข) เครื่องพับโลหะแผนรูปตัวซี
(ค) ชุดขนยายชิ้นงาน 3 ตําแหนง
(ง) ชุดบรรจุของเหลวใสถังอัตโนมัติ
รูปที่ 5.9 ตอ แสดงตัวอยางการใชงานแผนภาพการทํางานของอุปกรณ
106
(จ) แสดงตัวอยางการใชงานที่มกีารกาํหนดระยะการเคลื่อนที่มากกวา 2 ตําแหนง
(ฉ) แสดงตัวอยางขัน้ตอนทีม่ีการกาํหนดจังหวะเวลาในการการทํางานที่แนนอน
รูปที่ 5.9 ตอ แสดงตัวอยางการใชงานแผนภาพการทํางานของอุปกรณ
107
5.2 การออกแบบระบบควบคุมอัตโนมัติ
ในการออกแบบระบบการทาํงานที่ปฏิบัติงานดวยคนเปนแบบอัตโนมติันั้น มีข้ันตอนดังนี ้1. ศึกษาระบบงานเดิม ลักษณะการทํางานและเงื่อนไขตาง ๆ ของการทํางาน 2. ออกแบบอุปกรณเคลือ่นที่และเลือกอุปกรณกําลัง วาดภาพอุปกรณทํางาน เพื่อแสดง
หนาที่และตาํแหนงตาง ๆ ของอุปกรณทีท่ํางานรวมกันดังรูปที่ 5.9 และแสดงขั้นตอนการทํางานของระบบดวยแผนภาพการเคลือ่นที่ของอุปกรณดังรูปที่ 5.10 (ก) step 1
3. การวเิคราะหหาสัญญาณควบคุม แสดงดังรูปที ่ 5.10 ( ก-step 3,4,5 ) โดยสรางจาก
สัญญาณตรวจจับตําแหนงของกานสูบทีแ่สดงดังรูปที่ 5.10 (ก) step 2 4. ออกแบบวงจรนวิแมตกิสควบคุม จากแผนภาพสญัญาณควบคุม ทําการเลือกอุปกรณ
ตรวจจับและอุปกรณควบคุมที่เหมาะสมแลวเขียนวงจรการตออุปกรณ (wiring diagram) เพื่ออธิบายรายละเอียดในการเดนิสายอุปกรณดังรูปที่ 5.6 (ข)
5. ติดต้ังอุปกรณและทดสอบการทํางาน 6. ประเมินและติดตามผลการใชงาน
(ก) แผนภาพอุปกรณทํางาน
(ข) แผนภาพการเคลื่อนที่
รูปที่ 5.10 แสดงชุดยกชิน้งานอัตโนมัติที่ใชกระบอกสูบ 2 กระบอกในการทาํงาน
108
(ก) วิเคราะหสัญญาณควบคุมแบบดวยวธิีโอเวอรเล็บ (Over Lap)
(ข) การวิเคราะหสัญญาณควบคุมดวยวิธอิีนเตอรล็อค (Inter-lock)
รูปที่ 5.11 แสดงวงจรควบคุมและวงจรการตออุปกรณในการควบคุมชุดยกชิ้นงานจากรูปที ่5.5
109
5.2.1 การออกแบบสัญญาณควบคุมดวยวธิีแบบโอเวอรเล็บ (Signal Overlap)
หลังจากการศกึษารูปแบบการทํางานแลวนํามาสรางแผนภาพตาํแหนงอุปกรณทาํงานและแผนภาพการเคลื่อนที่ดังแสดงในรูปที ่5.12 จากนั้นนาํมาเขียนสัญญาณสั่งงานที่แทนดวยลกูศร โดยหางลูกศรหมายถึง อุปกรณที่ส่ังงาน ตัวอยางเชน สวทิซของวาลวควบคุมชนิดตาง ๆ และหวัลูกศรชี้ไปยังตําแหนงเริม่ตนของอุปกรณที่ถูกสัง่งาน ดังแสดงในรูปที่ 5.13 นําความสัมพันธในการสัง่งานของลูกศรแตละอันมาสรางวงจรนิวแมติกสดังรูปที่ 5.14 โดยมีรายละเอียดดังจะกลาวตอไป
รูปที่ 5.12 แสดงแผนภาพการทํางานและแผนภาพการเคลื่อนทีท่ี่สัมพนัธกนั
รูปที่ 5.13 การวิเคราะหสัญญาณควบคุมดวยวิธโีอเวอรเล็บ
รูปที่ 5.14 แสดงวงจรนิวแมติกสที่มาจากการวิเคราะหรูปที่ 5.13
110
การเขียนสัญญาณสั่งงานดวยลกูศร
จุดเริ่มตนของหางลูกศรเปนแหลงกาํเนิดสัญญาณสั่งงานมี 2 ลักษณะดังนี ้ วงกลม หมายถึง สวิทซที่ใชในการเริ่มตนทาํงาน (Start) สามารถเลอืกชนิดการส่ังงานไดดังแสดงในรูปที ่5.16 จุดกลมทึบ หมายถงึ ลิมติสวิทซ ที่ใชในการตรวจจบัตําแหนงของกานสูบ รูปแบบการตรวจมหีลายลักษณะทัง้แบบสัมผัสและไมสัมผัส
(ก) สวิทซเร่ิมตนสั่งงาน
(ข) ลิมิตสวิทซ ที่ใชในการตรวจจับตําแหนงของกานสบู
รูปที่ 5.15 แสดงสัญลักษณของวาลวควบคุมทิศทาง 3/2 ที่ส่ังงานดวยมือ
ตําแหนงของหัวลกูศร จะชี้ไปยังตําแหนงเริ่มตนของอปุกรณที่ถูกสัง่งาน จํานวนหวัลูกศรที่มีหางรวมกนั หมายถงึจํานวนอุปกรณที่ถูกสัง่งานพรอมกันในจงัหวะเดียวกัน ดังรูปที่ 5.16
(ก) ลูกศรหัวเดยีว (Signal lines) (ข) ลูกศรหลายหัว (Signal branching)
รูปที่ 5.16 แสดงรูปแบบการเขียนหัวลูกศร
การกาํหนดเงื่อนไขสั่งงาน จะเปนการนําสัญญาณจากสวทิซมากกวาหนึ่งตัวมาเปรียบเทยีบดวยตรรกะ And และ Or โดยแสดงดวยจดุเชื่อมกันของหางลูกศรแสดงดังรูปที ่5.16
(ก) Or condition (ข) And condition
รูปที่ 5.17 การกําหนดจุดเชือ่มสัญญาณแบบเงื่อนไข And condition และ Or condition
111
ตารางที่ 5.3 การทาํงานของวงจรนวิแมติกสรูปที่ 5.14 ที่ออกแบบดวยวิธีโอเวอรเลบ็รูปที่ 5.13 อธิบายการทาํงาน วงจรนวิแมติกส
จังหวะที่ 1 (1S1+2Sa)->1A เมื่อ 1S1 ถูกกดจะสั่งใหกระบอกสูบ 1A เคลื่อนที่ออก ก็ตอเมื่อสวทิซ 2S1ตองถูกกดอยู
จังหวะที่ 2 (1S3) -> 2A เมื่อกระบอกสบู 1A เคลื่อนที่ออกจนสุดกดสวิทซ 1S3 และ ส่ังใหกระบอกสูบ 2A เคลื่อน ที่ออก
จังหวะที่ 3 (2S2) -> 1A
เมื่อกระบอกสบู 2A เคลื่อนที่ออกจนสุดกดสวิทซ 2S2 และ ส่ังใหกระบอกสูบ 1A เคลื่อน ที่เขา
จังหวะที่ 4 (2S2) -> 2A
เมื่อกระบอกสบู 1A เคลื่อนที ่เขาจนสุดกดสวิทซ 1S2 และส่ังใหกระบอกสูบ 2A เคลื่อน ที่เขา
จังหวะที่ 5 (1S2) - เริ่มตน เมื่อกระบอกสบู 2A เคลื่อนที ่เขาจนสุดกดสวิทซ 2S1 อีกคร้ัง รอการกด 1S1 เพื่อเร่ิม ตนทาํงานใหมอีกครั้ง
112
ในการออกแบบสัญญาณควบคุมนั้นสามารถแสดงไดหลายรูปแบบดังตัวอยางรูปที ่5.18 และแสดงตัวอยางในการออกแบบดวยวธิีโอเวอรเล็บดังรูปที่ 5.19 โดยหลกัการ คือ จะใชลิมิตสวิทซที่ใชในการตรวจจับตําแหนงการเคลื่อนที่ของกานสูบในแตจังหวะการทํางานเปนตวัสั่งงานในจงัหวะถัดไป ตอเนื่องกนัจนครบทุกจังหวะการทาํงาน ในจังหวะเริ่มตนทํางานนยิมนาํสัญญาณจากจังหวะสุดทายมาสรางเงื่อนไขในการเริ่มตนการทํางาน การออกแบบนี้เหมาะสาํหรบัระบบงานที่ไมซับซอน
(ก) การควบคุมเปดและปดพื้นฐาน (ข) การควบคมุแบบหยุดกลางกระบอกสูบ
(ค) การควบคุมแบบวฏัจักร (ง) การควบคมุแบบตรวจสอบ
(จ) การควบคุมแบบหนวงเวลา โดยกาํหนดคาเวลา ณ ลูกศรที่ตองการหนวงเวลาทํางาน
รูปที่ 5.18 แสดงตัวอยางการควบคุมดวยวิธีโอเวอรเลบ็ ในรูปแบบตาง ๆ
113
รูปที่ 5.19 แสดงตัวอยางการออกแบบชุดคนยายชิ้นงานเขาและออกเตาอบ
รูปที่ 5.20 แสดงตัวอยางการออกแบบชุดเคลื่อนยายชิ้นงานลงสายพานเลื่อน
114
รูปที่ 5.21 แสดงตัวอยางการออกแบบชุดปอนชิ้นแบบหนวงเวลา
รูปที่ 5.22 แสดงตัวอยางการออกแบบชุดเขยาแบบสั่น และเปนการควบคุมแบบหยุดกลางกระบอกสูบ
115
รูปที่ 5.23 แสดงตัวอยางการออกแบบชุดเจาะรูอัตโนมัติ (กระบอกสูบดันสวางที่อยูบนแทนเลื่อน)
116
รูปที่ 5.24 แสดงตัวอยางการทํางานแบบหนวงเวลา
รูปที่ 5.25 แสดงตัวอยางการควบคุมแบบตอเนื่อง
117
5.3 การออกแบบสัญญาณควบคุมแบบอินเตอรล็อค (Signal Inter-lock)
ในการออกแบบสัญญาณควบคุมสําหรับส่ังงานใหกระบอกสูบทํางานตามลําดับข้ันตอนที่ออกแบบดวยวิธีอินเตอรล็อคนั้นมีข้ันตอนในการออกแบบสัญญาณควบคุม ดังรูปที ่5.26 และแสดงข้ันตอนดังตารางที ่5.4
รูปที่ 5.26 แสดงขั้นตอนในการออกแบบสัญญาณควบคุมแบบกึ่งอตัโนมัติ
ตารางที่ 5.4 แสดงขั้นตอนในการออกแบบสัญญาณควบคุมจากรูปที ่5.7
ข้ันตอนที ่ อธิบายการออกแบบ Step 1 การเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของอุปกรณกําลัง Step 2 การวิเคราะหสัญญาณตําแหนงการทํางานของกระบอกสูบ Step 3 การวิเคราะหรวมสัญญาณตรวจจับที่มีคา ณ จังหวะที่มกีารสั่งงาน Step 4 การสรางสัญญาณเริ่มการทํางาน (Start Signal) Step 5 การเลือกสัญญาณสั่งงานในแตละจังหวะการทาํงาน
118
5.3.1 การเขยีนแผนภาพการเคลื่อนทีข่องอุปกรณกําลงั
จากขั้นตอนการที่ออกแบบในข้ันตอนขอที่ 5.2 นาํมาสรางแผนภาพการเคลื่อนที่ของกานสูบดังรูปที่ 5.27 จากรูปจังหวะทีม่ีการสั่งงานใหกานสูบเคลือ่นที่แสดงดงักรอบวงกลม
รูปที่ 5.27 แสดงจังหวะการทํางานของกระบอกสูบ A และ B
5.3.2 การวิเคราะหจังหวะการสั่งงานของกระบอกสูบ ในการออกแบบจะพิจารณาเฉพาะจงัหวะที่มกีารสั่งงานใหกานสูบเคลื่อนที่เทานัน้
จากรูปที ่5.27 แสดงจงัหวะที่มีการสั่งงานในกรอบสี่เหลีย่ม โดยสังเกตในจังหวะที่กราฟเริ่มตนเคลื่อนที่ข้ึน(กานสูบเคลื่อนที่ออก) และเริ่มตนเคลือ่นที่ลง(กานสบูเคลื่อนที่เขา) อธิบายการเคลื่อนที่ของกานสูบ A ดวยตารางที ่5.5 และของกานสบู B ดังตารางที ่5.6
ตารางที่ 5.5 แสดงการทาํงานของกระบอกสูบ A ในจังหวะตาง ๆ
จังหวะที ่ อธิบายการทาํงานของกระบอกสูบ A 1 กระบอกสูบ A ถูกสัง่ใหเคลื่อนที่ออก (เร่ิมตนเคลื่อนที่ข้ึน) 2 กานสบู A เคลื่อนที่ออกสุด (ไมมีการสัง่งานใดในจงัหวะนี้) 3 กระบอกสูบ A ถูกสัง่ใหเคลื่อนที่เขา (เร่ิมตนเคลื่อนที่ลง) 4 กานสบู A เคลื่อนที่เขาสุด (ไมมีการสั่งงานใดในจังหวะนี้) 5 (ไมมีการสั่งงานใดในจังหวะนี้)
ตารางที ่5.6 แสดงการทาํงานของกระบอกสูบ B ในจังหวะตาง ๆ
จังหวะที ่ อธิบายการทาํงานของกระบอกสูบ B 1 (ไมมีการสั่งงานใดในจังหวะนี้) 2 กานสูบ A ออกสุดแลว กระบอกสูบ B เคลื่อนที่ออก (เร่ิมตนเคลื่อนทีข้ึ่น) 3 กานสูบ B เคลื่อนที่ออกสุด (ไมมีการสัง่งานใดในจงัหวะนี้) 4 กานสูบ B เขาสุดแลว กระบอกสูบ B เคลื่อนที่เขา (เร่ิมตนเคลื่อนทีล่ง) 5 (ไมมีการสัง่งานใดในจงัหวะนี้)
119
ในการตรวจจบัตําแหนงของกานสูบของกระบอกสูบจากเครื่องยกชิน้งานดังรูป 5.26 นัน้อาศัยอุปกรณตรวจจับตําแหนง (Position Sensor) ไดแกสวิทชแบบอิเล็กทรอนิกสหรือแบบกลไก จากรูปที่ 5.28 แสดงอุปกรณตรวจจับตําแหนงที่ใชวาลวควบคมุทิศทาง 3/2 ส่ังงานดวยลูกกลิ้งสองตัวในการสรางสัญญาณตรวจจับตําแหนงเขาสุดหรือออกสุดของกานสบูหนึ่งชดุ ในทางปฏิบัติอุปกรณตัวตรวจจับแบง 2 ชนิด คือ แบบสัมผัสและไมสัมผัส โดยคาํนงึถงึความเร็วในการตอบสนองและระยะทาง
(ก) การตรวจจับตําแหนงกานสูบเขาสุด (ข) การตรวจจับตําแหนงกานสูบออกสุด
รูปที่ 5.28 วาลวควบคุมทศิทาง 3/2 ส่ังงานดวยลูกกลิง้ ในการตรวจสอบตําแหนงกานกระบอกสูบ
รูปที่ 5.29 แสดงการตรวจจบัตําแหนงของกานสูบ A และ B ดวยวาลวควบคุมทิศทาง 3/2 ชนิดลูกกลิ้ง
จากรูปที ่ 5.29 อธิบายการใช วาลวควบคุมทิศทาง 3/2 ส่ังงานดวยลูกกลิ้ง ในการตรวจจับตําแหนงกานสูบ A เมื่อกานสูบอยูตําแหนงเขาสุดวาลว S1 มีคาเนือ่งจากถูกกดและในทางตรงกันขามวาลว S2 จะมีคาเมื่อกานสบูเคลื่อนที่ออกสุด โดยคาจากวาลว S1 และ S2 จะไมมีคาพรอมกนัโดยเด็ดขาด อธิบายคาของสัญญาณตรวจจับตําแหนงของกานสูบไดดังนี ้
- S1 มีคา หมายถงึ กานสูบ A อยูในตําแหนงเขาสุด - S2 มีคา หมายถงึ กานสูบ A อยูในตําแหนงออกสุด - S3 มีคา หมายถงึ กานสูบ B อยูในตําแหนงเขาสุด - S4 มีคา หมายถงึ กานสูบ B อยูในตําแหนงออกสุด
120
Abbreviated notation : A+ / B+ / A- / B-
รูปที่ 5.30 แสดงแผนภาพสัญญาณตรวจจับตําแหนง S1,S2,S3 และ S4
จากรูปที ่ 5.30 สังเกตเฉพาะสัญญาณ S1 จะมีคากต็อเมื่อกานสบู A อยูในตําแหนงเขาสุดเทานัน้ เมื่อกานสบู A เร่ิมตนเคลื่อนทีอ่อกในจังหวะที่ 1 ในขณะที่กานสูบ A กําลังเคลื่อนทีอ่อก S1 ยังคงมีคาอยูชวงระยะเวลาหนึ่ง และกอนจงัหวะที่ 4 ในขณะที่กานสูบ A กําลังจะเคลื่อนที่ออกสุด S2 จะมีคากอนจงัหวะที่ 4 เล็กนอย เนื่องจากเวลาหนวงในการสัง่งานของสวิทซและจากรูปแบบของกานสูบที่มีระยะเพือ่ รวมทัง้เกี่ยวกับรูปแบบการทํางานของกลไกตาง ๆ แสดงดังรูปที ่5.31
(ก) เร่ิมเคลื่อนที่เขาออก ในจังหวะที่ 1 (ข) กอนเคลื่อนที่เขาชน ในจังหวะที่ 4 สวิทซยังคงถูกกดตอเล็กนอย สวิทซถูกกดกอนเล็กนอย
รูปที่ 5.31 แสดงสถานการณการเกิดสัญญาณตรวจจับตําแหนงกานสูบขณะเคลื่อนออกและชน
121
รูปที่ 5.32 แสดงการเกิดสัญญาณตรวจจับตําแหนง(s) เมื่อกานสูบเคลื่อนที่ผาน
นอกจากการตรวจจับตําแหนงของกานสบูวาอยูในตําแหนงเขาหรือออกสุดอยู ยังสามารถใชวาลวควบคุมทิศทาง 3/2 ส่ังงานดวยลูกกลิ้งในการตรวจสอบตําแหนงกลางของกระบอกสูบ หรือการเคลื่อนที่ผานได โดยลักษณะการติดตั้งและผลของสัญญาณตรวจจับที่ไดจะมีลักษณะเปนลูกคลื่นดังแสดงในรูปที่ 5.32
5.3.3 การรวมสัญญาณตรวจจับที่มีคา ณ จงัหวะสั่งงาน
เปนการนาํสญัญาณตรวจจับของกานสบูที่มีคาในจังหวะที่มกีารสั่งงานมารวมกนัดวยเงื่อนไขและ (And condition, Combine Logic) จากรูปที่ 5.33 จังหวะที่มีการสั่งงานกระบอกสูบไดแก 1, 2, 3 และ 4 แสดงการเลือกรวมสัญญาณทีม่ีคา ณ จังหวะตาง ๆ ดวยกรอบสี่เหลี่ยม และแสดงตัวอยางผลลัพธของตวัการรวมสัญญาณ S2 + S3 ที่เกิดขึ้น ณ จังหวะที ่2 ดังรูปที ่5.34 ทาํการรวมสัญญาณจนครบทุกจงัหวะที่มกีารสั่งงานจะไดผลดังรูปที่ 5.35
รูปที่ 5.33 แสดงการรวมสญัญาณตรวจจับที่มีคาในจงัหวะที่มีการสั่งงาน
122
รูปที่ 5.34 การวิเคราะหการรวมสัญญาณตรวจจับ ( S2 + S3 ) = ( S2 AND S3 )
รูปที่ 5.35 แสดงผลลัพธของการรวมสัญญาณจากรูปที่ 5.14
5.3.4 การสรางสัญญาณเริ่มการทํางาน (Start Signal) ในการออกแบบการทาํงานอตัโนมัติ การเริ่มตนการทํางานจะตองอาศยัผูปฏิบัติงาน
ในการสัง่ใหระบบเริ่มตนการทํางาน โดยมรูีปแบบของสัญญาณในการสั่งเริ่มตนการทํางานสองลักษณะ คือ กึง่อัตโนมัติ(มีคาจังหวะเดียว) และอัตโนมัติ(มีคาตลอดการทํางาน) แสดงดังรูปที ่5.36
(ก) สัญญาณเริ่มตนการทํางานแบบกึ่งอตัโนมัติ (ข) สัญญาณเริ่มตนการทํางานแบบอัตโนมัติ
รูปที่ 5.36 การสรางสัญญาณเริ่มตนสั่งงานแบบกึ่งอัตโนมัติและแบบอัตโนมัติ
123
การสรางสัญญาณทั้งสองชนิดที่กลาวมาเกิดจากการเลอืกใชงานอุปกรณที่ส่ังงานดวยสวทิซชนิดกดติดปลอยดับ(แบบกึ่งอัตโนมัติ)และชนิดติดคาง(แบบอัตโนมัติ) ในขัน้ตอนการออกแบบจะนาํสัญญาณเริ่มตนไปรวมกับผลการรวมสญัญาณตรวจจับตําแหนงในจังหวะสั่งงาน เพื่อใชในการควบคุมระบบใหเร่ิมตนทาํงาน แสดงสัญญาณสั่งงาน (St+s1+s3) ดังรูปที่ 5.37
(ก) สัญญาณเริ่มตนการทํางานแบบกึ่งอตัโนมัติ (ข) สัญญาณเริ่มตนการทํางานแบบอัตโนมัติ
รูปที่ 5.37 เปรียบเทียบการใชงานสัญญาณเริ่มตนสั่งงานแบบกึ่งอัตโนมัติและแบบอัตโนมัติ
การควบคุมแบบกึ่งอัตโนมัติ ( Semi auto control) จากรูปที ่ 5.38 สัญญาณ St ที่ใชในการสั่งใหระบบเริม่ตนการทํางานจะเกิดจากการใชสวิทช
ชนิดกดติดปลอยดับ เมื่อกดสวิทซในจังหวะที ่ 1 จะเกดิสัญญาณลักษณะลูกคลื่น แลวนาํมารวมกับผลรวมสญัญาณตรวจจับในการเริ่มตนทาํงานของระบบจนครบทุกจงัหวะ (1 รอบการทาํงาน) แลวหยุดรอการกดปุมเร่ิมตนสั่งงานอีกครั้งจากผูปฏิบัติงาน
รูปที่ 5.38 แสดงการนําสัญญาณเริ่มตนแบบกึ่งอัตโนมติัมารวมกับผลรวมสัญญาณตรวจจับตําแหนง
จากรูปที ่ 5.38 ในการนาํสัญญาณเริม่ตนสั่งงาน(St) มารวมกับผลรวมสัญญาณตรวจจับตําแหนงของกานสูบในจังหวะเริ่มตน(จังหวะ 1) ก็เพือ่ยืนยนัตําแหนงของอุปกรณทุกตัวกอนเริ่มตนทํางานวาอยูในตําแหนงถูกตองตามทีก่ําหนดหรือไม (Inter-lock) ดวยสัญญาณ(St+s1+s3) ถากดสวิทซเร่ิมตนสัง่งานในขณะอุปกรณไมอยูในตําแหนงทีอ่อกแบบ คือ s1 และ s3 ไมมีคาพรอมกนั ระบบจะไมเร่ิมตนทาํงานในจังหวะที่ 1
124
การควบคุมอัตโนมัติ (Auto control)
จากรูปที ่ 5.39 สัญญาณเริ่มตนสั่งงาน (St) ที่ใชในการสั่งใหระบบเริ่มตนการทํางานจะเกิดจากการใชสวทิชชนิดบิดคาง เมื่อมีการเปดสวิทซจะเกดิสัญญาณเริ่มตน ณ จังหวะที ่ 1 และมีคาตลอดเวลาจนกวาจะปดสวทิซลง สัญญาณจึงจะหายไป ดังนั้นเมื่อระบบเริ่มตนการทํางานตามลําดับที่ออกแบบจนครบทุกจังหวะแลว จะเริ่มตนทาํงานในจังหวะที ่ 1 ใหมอีกครั้งตอเนื่องเปนวัฏจักรจนกวาจะไมมีสัญญาณ St ถามีการปดสวิทซ St ในระหวางการทํางาน ระบบก็ยังคงทาํงานจนครบทุกจงัหวะแลวจึงหยุด ณ จังหวะสุดทาย เพื่อรอการเริ่มตนสัง่งานในวัฏจักรใหมจากผูปฏิบัติ
รูปที่ 5.39 แสดงการนําสัญญาณเริ่มทาํงานในการควบคุมอัตโนมัติ
จากรูปที ่5.39 จากที่กลาวมาในหัวขอที่ผานมา เมื่อนําสญัญาณ St มารวมกับ s1 และ s3 เพื่อการตรวจสอบตําแหนงอุปกรณเร่ิมตน จะพบวาในจังหวะที่ 1 เกดิสัญญาณลูกคลื่นแบบเดียวกับสัญญาณแบบกึ่งอัตโนมัติดังแสดงในรูปที่ 5.38 จะแตกตางกันเฉพาะจังหวะสุดทาย(จังหวะที่ 5 ) เทานัน้ที่สัญญาณเริ่มตนสัง่งานแบบอัตโนมัติจะมีคาเกดิขึ้นและเปนตัวกระตุนใหระบบเกิดการทาํงานในจังหวะที ่1 ตอเนื่องเปนวฏัจักร จนกวาสัญญาณ St ถูกปดลง
5.3.5 การเลอืกสัญญาณควบคุมในแตละจังหวะสัง่งาน
ในการควบคมุการเคลื่อนทีข่องกานสูบใหทํางานดังที่ออกแบบนั้นจะเกิดจากการควบคุมวาลวควบคุมทิศทางลมทีจ่ายลมอัดใหกระบอกสูบทํางานตามจังหวะที่กาํหนด ดังนั้นสญัญาณควบคุมที่ดีที่สามารถนํามาใชส่ังงานกระบอกสูบนัน้จะตองมีลักษณะเปนลูกคลื่นที่เกิดขึ้น ณ จงัหวะเดียวเสมอตลอดการทํางานหนึง่รอบ เพื่อใหเกิดการทํางานซับซอนในจังหวะอืน่ดังแสดงในรูปที ่5.39
รูปที่ 5.40 แสดงการเลือกสัญญาณควบคุมกระบอกสบูใหทาํงานในแตละจังหวะ
125
จากรูปที ่5.40 จะเห็นวาผลรวมของสัญญาณตรวจจับที่ไดจากหวัขอ 5.3.4 นัน้มีลักษณะเปนลูกคลื่นในทุกจังหวะ จงึสามารถจับคูเพื่อใชในการควบคุมวาลวลมทีจ่ายลมอัดใหแกกระบอกสบูใหเกิดการเคลื่อนที่ตามทีก่ําหนด ดังแสดงในตารางที ่5.7 แตในทางปฏิบัติระบบที่มคีวามซับซอนในการทํางาน ผลรวมของสัญญาณตรวจสอบตําแหนงมกัจะไมสามารถนาํมาใชควบคุมกระบอกสูบไดทั้งหมด จะตองมีการปรับปรุงหรือสรางสัญญาณควบคุมใหมดังจะกลาวตอไป
ตารางที่ 5.7 แสดงสัญญาณสั่งงานกระบอกสูบในจังหวะตาง ๆ
จังหวะสัง่งาน สัญญาณสั่งงาน อธิบายการสั่งงาน 1 St+s1+s3 ส่ังกระบอกสบู A ใหเคลื่อนที่ออก 2 s2+s3 ส่ังกระบอกสบู B ใหเคลื่อนที่ออก 3 s1+s4 ส่ังกระบอกสบู A ใหเคลื่อนที่เขา 4 St+s1+s3 ส่ังกระบอกสบู B ใหเคลื่อนที่เขา 5 - ไมมีการสั่งงานใด ๆ
5.4 การออกแบบวงจรนิวแมติกสหรือวงจรการเดินสายอุปกรณ
หลังจากออกแบบสัญญาณควบคุมในแตละจังหวะการทํางานจากหวัขอ 5.3 แลว ทาํการเลือกอุปกรณกําลังและวาลวควบคุมที่ใชงานใหเหมาะสมกับประเภทของการทํางาน จากนัน้นํามา สรางวงจรนวิแมติกสหรือวงจรตอสายอุปกรณ ดังตัวอยางรูปที ่ 5.41 ซึ่งประกอบดวยสัญลักษณของอุปกรณที่ใชในการทํางานและการเชื่อมตอสายสัญญาณตางๆ รวมการกาํหนดชื่ออุปกรณดังที่กลาวมาแลวในบทที่ 3 เพื่ออธิบายการเชื่อมสายระหวางอุปกรณตาง ๆ ซึ่งใชในขั้นตอนการสรางและการติดตั้งอุปกรณตาง ข้ันตอนในการสรางวงจรนวิแมติกสจากผลรวมสัญญาณควบคุมที่ออกแบบจากหัวขอ 5.3 มีดังตอไปนี ้
รูปที่ 5.41 แสดงวงจรนิวแมติกสที่สรางจากการสัญญาณควบคุมจากรูปที่ 5.40
126
5.4.1 การเลอืกอุปกรณกาํลังในการทาํงาน
เปนสิง่แรกทีต่องคํานงึถงึ คือ การเลอืกชนิดกระบอกสูบที่ใชงานและวาลวควบคุมทิศทางที่ใชในการสั่งงานกระบอกสูบดังทีก่ลาวมาแลวในบทที่ 3 จากรูปที ่ 5.41 แสดงตัวอยางการเลือกใชงานกระบอกสูบสองทางสองตัว และใชวาลวควบคุมทิศทาง 5/2 ส่ังงานดวยลมอัด
รูปที่ 5.42 ก. กระบอกสูบ 2 ชุด (A,B)และวาลวควบคมุทิศทาง 5/2 ส่ังงานดวยลมอัด
5.4.2 การเลอืกอุปกรณตรวจจับตําแหนงกานสูบ
ในการเลือกใชงานอุปกรณตรวจจับตําแหนงกานสูบในระบบนวิแมติกสนั้นนิยมใชวาลวควบคุมทิศทาง 3/2 ส่ังงานดวยลูกลิ้ง 2 ตัวในการตรวจจับตําแหนงกานสูบเขาสุดและออกสุดดังรูปที่ 5.23 นอกจากนัน้ยังสามารถอุปกรณตัวจับที่เปนระบบไฟฟาซึ่งจะกลาวถงึในบทตอไป
รูปที่ 5.43 ตัวตรวจตับตําแหนง 4 ชุด – วาลว 3/2 Roller – spring (S1, S2, S3 ,S4)
5.4.3 การเลอืกสวทิซเริ่มตนสั่งงาน
จากที่กลาวมาแลวในหวัขอ 5.3.4 ในการออกแบบวงจรควบคุมแบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัตินัน้มีข้ันตอนออกแบบเหมือนกันแตกตางกนัเฉพาะการเลือกชนิดของสวิทซเร่ิมตนสัง่งานที่แตกตางกนัดังแสดงในรูปที่ 5.44
(ก) วาลว 3/2 แบบสวิทซกด (กึ่งอัตโนมัติ) (ข) วาลว 3/2 แบบคันโยก (อัตโนมัติ)
รูปที่ 5.44 การเลือกสวทิซเร่ิมตนสั่งงานสาํหรับการควบคุมแบบกึ่งอัตโนมัติและอัตโนมัติ
127
5.4.4 การเลอืกอุปกรณรวมสัญญาณตรวจ
ในการรวมสญัญาณตรวจจับตําแหนงของกานสูบในระบบนวิแมติกสนั้นจะใชวาลวลมคู ( And gate) โดยวาลวลมคูหนึ่งตวัใชรวมสัญญาณไดสองคา ถาตองการรวมสัญญาณมากกวาสองคา ก็ตองใชวาลวลมคูเพิ่มดังแสดงตวัอยางการรวมสัญญาณสามคาดังรูปที ่5.45
รูปที่ 5.45 แสดงการตอวาลว And gate ในการรวมสัญญาณ St+s1+s3
จากขั้นตอนทีก่ลาวมาแลวทัง้หมดนํามาสรางเปนวงจรนวิแมติกสดังแสดงในรูปที ่5.46
รูปที่ 5.46 แสดงภาพรวมของขั้นตอนการออกแบบชุดยกอัตโนมัติ
128
รูปที่ 5.47 ตัวอยางการวเิคราะหสัญญาณควบคุมกระบอกสูบ 3 ชุด
129
5.5 การควบคุมความเรว็กานสูบและการควบคุมทํางานแบบหนวงเวลา
จากรูปที ่ 5.48 จะสังเกตวากระบอกสูบ A จะใชเวลา 2 จังหวะ(1-3) ในการเคลื่อนที่ออก ซึง่มากกวาการเคลื่อนที่เขาที่ใชเวลา 1 จังหวะ (5-6) ถาสังเกตจากการทํางานจริงจะเหน็วากานสบู A จะเคลื่อนที่เขาดวยความเร็วปกติและเคลื่อนที่ออกชากวาปกติ สวนกานสูบ B จะเคลื่อนที่ออกดวยความเร็วปกตแิละเคลื่อนที่เขาชากวาปกติ การควบคุมความเร็วในการเคลื่อนทีข่องกานสูบนัน้จะใชหลักการจากหัวขอที ่ 4.3 โดยควบคุมอัตราลมอัดที่จายใหกระบอกสบูหรือควบคุมอัตราลมระบายออกดวยวาลวปรับอัตราการไหล(หร่ีลม) ดังแสดงในรูปที ่ 5.49
รูปที่ 5.48 แสดงการรวมสญัญาณตรวจจับในกรณีที่มกีารควบคุมความเรว็กานสบูในการเคลื่อนที ่
รูปที่ 5.49 แสดงการใชวาลวปรับอัตราการไหลในการควบคุมความเรว็กานสูบ
130
การปรับแกสญัญาณควบคุม โดยใชวาลวหนวงเวลา
จากแผนภาพการทาํงานของกระบอกสูบในรูปที ่ 5.48 พบวามกีารสั่งงานกระบอกสูบในจังหวะที่ 1 ,3 ,5 และ 6 หลงัจากออกแบบวงจรควบคุมตามขั้นตอนในขอที ่ 5.3 แลวจะพบวาไมสามารถหาสญัญาณสั่งงานในจงัหวะที่ 5 ที่มีลักษณะเปนลูกคลืน่ ณ จังหวะเดียวไดเหมือนในจังหวะส่ังงานอืน่ ๆ ดังนัน้จึงตองมีการปรับแตงสัญญาณ (S2+s4) ดวยวาลวหนวงเวลาดังแสดงในรูปที่ 5.50 (ข) เพื่อใหเกดิสัญญาณสั่งงานในจังหวะที ่5 ดังแสดงสัญญาณที่ปรับแตงแลวในรูปที่ 5.50 (ก)
(ก) การปรับแกสัญญาณ (ข) วาลวปรับอัตราการไหล
รูปที่ 5.50 แสดงการใชวาลวหนวงเวลาในการปรับแตงสัญญาณควบคุม
รูปที่ 5.51 แสดงสัญญาณสั่งงานที่แกไขแลวจากรูปที่ 5.48
จากรูปที ่5.51 จะพบวาสามารถใชสัญญาณ d จากวาลวปรับอัตราการไหลไปใชควบคุมการทํางานกระบอกสูบ B ณ จังหวะที่ 5 ได จากสัญญาณควบคุมที่ปรับปรุงแลวนาํไปสรางวงจรนวิแมติกสดังขั้นตอนในขอที่ 5.4 ไดดังรูปที่ 5.52
131
รูปที่ 5.52 แสดงการรวมสญัญาณตรวจจับและวงจรนวิแมติกสจากรูปที่ 5.51
132
5.6 เปรียบเทียบรูปแบบทํางานแบบตอเนื่องและแบบหนวงเวลาทาํงาน
จากรูปที ่5.53 (ก) มีการทํางานตอเนื่องกนัทุกจงัหวะดังนี ้ A(+) B(+) A(-) B(-) คือ เมื่อทํางานในแตละจงัหวะเสร็จส้ินก็จะมีการทํางานในจังหวะถัดไปทันท ีแตในรูปที่ 5.53 (ข) จะมีลําดับการทํางานเชนเดียวกนั แตกตางกนัที่เมื่อกานสบู B เคลื่อนที่ออกสุดแลว ระบบจะหยดุทํางานชวงระยะเวลาหนึง่กอนทีก่านสูบ A จะเคลื่อนที่เขา จากแผนภาพการเคลื่อนทีข่องกานสูบสามารถแยกแยะวาขั้นตอนใดบางทีม่ีการหนวงเวลาการทํางานหรือไม โดยสงัเกตไดจากลกัษณะของวงรีที่วาดข้ึนเพื่อโยงการสั่งงานในจงัหวะที่เรียงตอเนื่องกนัดังรูป ถาวงรีที่ไดเอียงจะหมายถึงมีการหนวงเวลาเกิดขึ้น
(ก) แสดงลักษณะการทาํงานแบบตอเนื่อง (ข) แสดงลักษณะการทํางานแบบรอเวลาทาํงาน
รูปที่ 5.53 แสดงเปรียบเทยีบลักษณะการการสั่งงานปกติกับการหนวงเวลาในการทํางาน
5.7 การปรบัปรุงสัญญาณควบคุมแบบซ้ํา
ในการออกแบบระบบอัตโนมัติที่ใชกระบอกสูบเปนอุปกรณทํางานนัน้จะมีลักษณะการทํางานของกระบอกสบูได 2 ลักษณะคือ
การทาํงานเชงิเด่ียว (Single Step Action) ในหนึ่งรอบทํางาน กระบอกสูบมีการเคลื่อนที่เขาและออกเพียงครั้งเดียว ดังรูป 5.54 (ก)
การทาํงานเชงิซอน (Multi Step Action) ในหนึง่รอบการทํางานมกีระบอกสูบเคลือ่นที่เขาและออกมากกวาหนึ่งครั้ง ดังรูป 5.54 (ข)
(ก) การสัง่งานแบบ Single Step (ข) การสัง่งานแบบ Multi Step
รูปที่ 5.54 แสดงเปรียบเทยีบการสั่งงานแบบเชิงเดียวและเชิงซอนของกระบอกสูบ B
133
รูปที่ 5.55 แสดงสัญญาณทีเ่กิดการทํางานซอน
จากรูปที ่ 5.55 เมื่อทําการวิเคราะหผลรวมสัญญาณตรวจจับตามขัน้ตอนขอที ่ 5.3 แลว พบสัญญาณ s2+a3 และ st+s1+s3 ไมสามารถนาํมาใชเปนสัญญาณสั่งงานได เนื่องจากเกิดลูกคลื่นซ้ําดังรูปบริเวณรูปวงรี ดังนัน้จําเปนที่จะตองปรับแตงสัญญาณทั้งสองใหเกิดเพียงลกูเดียวตอหนึง่รอบการทาํงานเทานัน้ ดวยการนําสัญญาณสัง่งานในจังหวะอื่นมาสรางสญัญาณ Dummy ที่มีคาและไมมีคาระหวางลกูคลื่นที่ซ้าํกนัดังรูปที่ 5.56 (ก) แสดงการสรางสัญญาณ Dummy ดวยวาลวควบคุมทิศทาง 5/2 ส่ังงานดวยลมอดั ดังรูปที่ 5.56 (ข) และควบคุมดวยสัญญาณสั่งงานในจังหวะที ่3 และ 6
ก) การออกแบบสัญญาณ Dummy (ข) การสรางสัญญาณ Dummy หรือ จากสัญญาณสั่งงาน สัญญาณหลอก ดวยวาลว 5/2
รูปที่ 5.56 แสดงการสรางสัญญาณ Dummy เพื่อปรับแกสัญญาณสั่งงาน
134
ในการสรางสญัญาณปรับแกทําไดโดยการนําสัญญาณ Dummy (p2 และ p3) มารวมกับผลรวมของสญัญาณที่มีปญหา สัญญาณที่แกไขแลวแสดงดังรูปที ่ 5.57 โดยการแบงสัญญาณที่มีคาซ้ํากนัสองลูกคลื่นใหกลายเปนสัญญาณสองคาทีม่ีลักษณะเปนลกูคลื่นเดียวในจงัหวะที่ตองการ แลวนําไปสรางวงจรนิวแมติกสดังแสดงในรูปที่ 5.58
รูปที่ 5.57 แสดงสัญญาณควบคุมที่ปรับแตงแลวดวยการรวมกับสัญญาณ Dummy
135
รูปที่ 5.58 แสดงการปรับแตงสัญญาณควบคุมและวงจรนิวแมติกสที่มกีารสรางสัญญาณ Dummy
top related