digital trend 2014: time to look forward

16
Digital Trend 2014 Time to look forward >>

Upload: satapon-yosakonkun

Post on 05-Dec-2014

749 views

Category:

Technology


0 download

DESCRIPTION

Digital Trend 2014 Time to look forward by Edge Asia Academy

TRANSCRIPT

Page 1: Digital Trend 2014: Time to look forward

Digital Trend 2014Time to look forward >>

Page 2: Digital Trend 2014: Time to look forward

ป ี 2013 น่าจะเป็นปีที่การตลาดดิจ3ทัลดูคึกคักมากเป็นพิเศษด้วยสภาพแวดล้อมที่ตื ่นตัวและพัฒนามากขF้น ไม่ว่าจะเป็นตลาด Smartphone Tablet ตลอดไปจนถึงผู้ ใช้งาน Social Media ที่เพิ่มขF้นอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเหตุให้ “โลกดิจ3ทัล” กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที ่การตลาดที่สำคัญในปัจจTบัน สอดคล้องไปกับทิศทางการตลาดโลกที่หันมาสนใจการตลาดดิจ3ทัลกันอย่างจร3งจัง องค์กรมากมายเปิดแผนกใหม่หรXอรับพนักงานที่มีความสามารถเฉพาะทางด้านดิจ3ทัลเข ้ามารับหน้าที ่มากขF ้นจนกลายเป็นหนึ ่งในทรัพยากรมนุษย์ที ่ม ีความต้องการสูงไม่แพ้ตำแหน่งงานอื่นๆ

เรX ่องราวเหล่านี ้น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าเรากำลังอยู่บนเส้นทางที่ก้าวไปสู่อนาคตอันน่าตื่นเต้นของการตลาดดิจ3ทัล แถมยังเป็นเส้นทางที่ว 3 ่งไปข ้างหน้าอย่างรวดเร ็วชนิดน่าใจหายสำหรับหลาย ๆ คนเพราะในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี ้ เราเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งในแง่เทคโนโลย ี การส ื ่อสาร ตลอดไปจนถ ึงพฤติกรรมผู้บร3โภคซF่งได้กลายเป็นความท้าทายและโอกาสสำหรับผู้ประกอบการจำนวนมาก

การพัฒนาด้านสภาพแวดล้อมของ “โลกดิจ3ทัล” นี่เองที่กลายเป็นรากฐานสำคัญของตลาดในอนาคต ป ี 2013 น่าจะเป็นอีกปีหนึ่งที่เราเห็นการสร้างรากฐานของผู้บร3โภคยุคใหม่ที่จะกลายเป็นกลุ่มสำคัญในอนาคต และป ี 2014 ก็คงจะเป็นอีกปีที่เราจะได้พบกับการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ ๆ ที่เข้ามาสร้างความตื่นเต้นให้เราไม่แพ้กัน

Introduction >>

Page 3: Digital Trend 2014: Time to look forward

PART IConsumer Behavior >>

Page 4: Digital Trend 2014: Time to look forward

1. Mobile World: โลกหน้าจอที่ 3 ที่อยู่ในมือ ทุกที่ ทุกเวลาณ เวลานี ้ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าอุปกรณ์พกพาหรXอที่เรามักเรbยกกันว่า Mobile Device นั้นกลายเป็นอุปกรณ์คู่กายของคนยุคใหม่ไปเรbยบร้อย และ Mobile Device นี้ไม่ ใช่แค่โทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียว หากแต่รวมไปถึงอุปกรณ์อย่าง Tablet และ Laptop อีกด้วย ตัวเลขการเติบโตของอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนั้นสูงขF้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

สิ ่งท ี ่ม ีผลตามมาคือพฤติกรรมของผู ้บร3โภคจะเปลี่ยนไป การเสพคอนเทต์ผ่านทางอุปกรณ์พกพาเหล่านี้จะเพิ่มขF้นตามไปด้วย แน่นอนว่านั่นทำให้ข้อจำกัดเดิมๆ ของการเสพคอนเทนต์ดิจ3ทัลอย่างเว็บไซต์หรXอ

วbดีโอหายไปด้วย ทุกวันนี้เราเห็นการดูคลิปวbดีโอบนโทรศัพท์มือถือหรXอการเปิดเว็บหาข้อมูลแม้จะเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้ากลายเป็นเรX่องปรกติไปแล้ว

ในขณะเดียวกัน การขยายตัวของตลาด Smartphone และ Tablet ยังมีส่วนสำคัญที่ทำลดช่องว่างของการเข้าถึงดิจ3ทัลได้อย่างรวดเร็ว กล่าวคือการเข้าถึงอินเทอร์เนตน ั ้นสะดวกข F ้น ไม ่จำ เป ็นต ้องใช ้ผ ่านคอมพิวเตอร์อีกต่อไป ใช้งานได้ง่าย ผู้ ใหญ่และผู้สูงอายุก็มีแนวโน้มจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพิ่มขF้นตามไปด้วยเช่นกัน

ในปี 2014 น่าจะเป็นปีที่เห็นผลกระทบของ Mobile Device ได้อย่างชัดเจนทั้งในแง่

Page 5: Digital Trend 2014: Time to look forward

เว็บไซต์ veedvil.com มีการรายงานจำนวนผู้ ใช้ Smartphone ของไทยโดยประมาณอยู่ที่ 24 ล้านเครX่อง คิดเป็นประมาณ 25% ของตลาดโทรศัพท์มือถือไทย

พฤติกรรมผู้บร3โภคและการตลาดออนไลน์ ก ิ จ ก ร ร ม ท ี ่ เ ค ย ค ิ ด ว ่ า ต ้ อ ง อ ย ู ่ ใ นคอมพิวเตอร์อาจจะต้องถึงเวลาเปลี ่ยนความคิดเสียใหม่เพราะโลกออนไลน์ได้ย้ายออกจาก Second Screen ไปสู ่ Third Screen เรbยบร้อยแล้ว

สิ่งที่นักการตลาดควรเตร2ยมตัว

• ปรับเว็บไซต์ต่างๆ ให้สามารถรองรับการดูผ่าน Mobile Device ได ้ เช่นการทำ Responsive Website

• การออกแบบและผลิตคอนเทนต์ต้องให้รองรับการดูผ่านทาง Mobile Device ด้วยเช่นกัน เช่นการออกแบบโพสต์บน Facebookให้แสดงผลได้ดีที่สุดเมื่อดูบนหน้าจอมือถือ

• กิจกรรมการตลาดต้องให้ความสนใจกับพฤติกรรมของการใช ้ Mobile Device มากขF้น

Page 6: Digital Trend 2014: Time to look forward

2. Muti-Screen: ยุคหลายจอ แยกกัน พร้อมกัน ต่อเนื่องกัน

แน่นอนว่าการมี Mobile Device ทำให้ผู้บร3โภคมีทางเลือกในการเข้าถึงข้อมูลมากขF้น แต่นั่นไม่ใช่หมายความว่าพวกเขาจะเลิกดูโทรทัศน ์ หรXอเลิกใช้คอมพิวเตอร์แต่อย ่างใด โดยแม้ว ่ายอดจำหน่ายของคอมพิวเตอร์จะลดลงสวนทางกับยอดจำหน่าย Smartphone และ Tablet ก็จร3ง แต่ในการสำรวจต่างๆ ล้วนพบว่าสิ่งที่เกิดขF้นคือพฤติกรรมการใช้งาน “หลายหน้าจอ” (Multi-Screen) แทนที่จะเป็นการเลือกไปใช้หน้าจอใดหน้าจอหนึ่ง

ในงานศึกษาของ Microsoft เมื่อปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับพฤติกรรม Multi-Screen นี้ก็ได้ข้อมูลน่าสนใจว่าผู้บร3โภคเร3่มคุ้นเคยกับการใช้งานหลายหน้าจอพร้อมๆ กันและเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมปรกติไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสล ับใช ้งานโทรศ ัพท ์ม ือถ ือระหว ่างด ูโทรทัศน์ไปพร้อมๆ กัน หรXอการใช้งานข้ามหน้าจอไปเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ฯลฯ ซF่ง

สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดเทรนด์ต่อเนื่องที่ส่งผลไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น Social TV ดังท ี ่ เ ร า เ ห ็ น ใ น ป ร า ก ฏ ก า รณ ์ อ ย ่ า ง #Hormonetheseries หรXอ #สุภาพบรุษจTฑาเทพ เป็นต้น

ณ วันนี ้ Multi-Screen คงไม่ใช่แค่แฟชั่นอีกต่อไป แต่จะเป็นรูปแบบการใช้งานและเข้าถึงข้อมูลของคนยุคดิจ3ทัล และนั่นก็กลายเป็นสิ ่งที ่กลายเป็นโอกาสทั้งในด้านธุรกิจและการตลาดอย่างแน่นอน

สิ่งที่นักการตลาดควรเตร2ยมตัว

• การดีไซน์แคมเปญหรXอการสื่อสารทางการตลาดต่างๆ ไม่ควรติดอยู่ในกรอบว่าต้องจบในครั้งเดียว สามารถพลิกแพลงสร้างประสบการณ์ที่ต่อเนื่องหรXอประสบการณ์แบบคู่ขนานผ่านการใช้ Multi-Screen ได้

Page 7: Digital Trend 2014: Time to look forward

ในปี 2013 ที่ผ่านมาน่าจะมีหลายสถิติที่ชb้ให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนดิจ3ทัลที ่มีการใช้งาน Social Media อย่างมากทีเดียว ตั้งแต่การที่กรุงเทพเป็นเมืองที่มีผู้ ใช้งาน Facebook มากที่สุดในโลก และเป็นอันดับ 2 ของโลกใน Instagram สถานที่อย่างสยามพารากอนและสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสถานที ่ที ่ถูก Check-In บ่อยที่สุดบน Instagram ภาษาไทยเป็นหนึ่งในภาษายอดนิยมบน Twitter ประเทศไทยมีผู้ ใช้งาน LINE 20 ล้านคน เป็นอันดับสองของโลก ฯลฯ สถิติเหล่านี้น่าจะเป็นตัวบ่งชb้ได้ถึงความตื่นตัวในการใช้งาน Social Media ของคนไทยได้อย่างดี

สิ่งที่น่าสนใจต่อเนื่องมาคือเรX่องพฤติกรรมการใช ้ Social Media ของคนไทยที่กลายเป็นหนึ่งในพฤติกรรมหลักของคนรุ่นใหม ่ มีการสำรวจแล้วพบว่าวัยรุ่นไทยในปัจจTบันยอมร ับว ่าต ิดการใช ้งาน L INE และ Facebook รวมทั้งไม่สามารถอยู่ได้โดยขาดโทรศัพท์มือถือ

ข้อมูลเหล่านี้น่าจะเป็นการตอกย้ำอย่างดีว่า Social Media เป็นสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของผู้บร3โภคไปจากยุคก่อนดิจ3ทัล Facebook LINE Twitter Instagram ไม่ใช่แค่เครX่องมือหรXอช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มเข้ามาเฉย ๆ แต่เป็นสิ่งที่เข้ามาสร้างพฤติกรรมผู้บร3โภคใหม่ชนิดที่พลิกตำราการตลาดเดิม

ในปี 2014 เราก็จะยังคงเห็นการขับเคลื่อนของ Social Media อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกลุ่มผู้ ใช้งานที่เป็น Gen-Z จะโตขF้นและมีบทบาทกับโลกออนไลน์มากขF้นตามไป รูปแบบความสัมพันธ์ต่าง ๆ บน Social Media จะมีบทบาทกับความสัมพันธ์ในโลกจร3งมากขF้น ไมว่าจะเป็นเรX่องการแชร์ข้อมูลข่าวสาร การแชร์ความสนใจ รวมไปถึงการใช ้ Social Media เพื่อสร้างตัวตนให้เป็นที่ยอมรับในวงสังคมที่กว้างขวางขF้น ซF่งจะทำให้หลายคนพยายามใช้ช่องทางออนไลน์สร้างเครXอข่ายของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Facebook Page Instagram SocialCam เป็นต้น

3. Social Media Addicted: ภาวะติดสังคม-โรคขาดโซเชbยลไม่ได้

Page 8: Digital Trend 2014: Time to look forward

4. Digital Savvy: เข้าสู่ยุค “ว3ถีชbว3ตแห่งดิจ3ทัล”สิ่งน่าสนใจไม่แพ้กับเทคโนโลยีที่กำลังก้าวกระโดดอย่างน่าตื่นตาตื่นใจคือความคุ้นช3นกับว3ถีดิจ3ทัลของผู้บร3โภคพร้อม ๆ กับการเปิดรับที่จะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มากขF้นกว่าเดิม

ถ้าเราพิจารณากันแล้ว ทุกวันนี้กิจกรรมการใช้งานอินเทอร์เนตนั้นไม่ใช่แค่การเปิดอีเมล์หรXอเล่น Facebook เพียงอย่างเดียว แต่เรากำลังเห็นรูปแบบบร3การอื่นๆ เพิ่มเข้ามาเรX ่อยๆ ซF ่งหลาย ๆ คนเองก็สมัครบร3การเหล่านี้ เช่น บร3การซX้อขายสินค้าออนไลน ์ บร3การค้นหาร้านอาหาร บร3การจองโรงแรมและที่พัก หรXอแม้แต่บร3การหาเพื ่อน หาคู ่ร ัก ฯลฯ สิ ่งเหล่านี ้ เป็นสัญญาณให้เห็นว่าดิจ3ทัลกำลังเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกชbว3ตประจำวันของผู้บร3โภคมากขF้นเรX่อยๆ ซF่งในมุมหนึ่งแล้ว มันคือ

การเปลี่ยนว3ถีชbว3ตขอผู้บร3โภคไปจากเดิมนั่นเอง

นอกจากกลุ่มประชากรเดิมที่เปิดรับการใช้งานเทคโนโลยีและบร3การทางดิจ3ทัลมากขF้นแล้ว ประชากรอีกกลุ่มหนึ่งซF่งไม่อาจมองข้ามได้เลยคือกลุ่ม Digital Native หรXอกลุ่มประชากรเด็กและวัยรุ่นซF่งโตขF้นมาในยุคดิจ3ทัลแล้ว โดยปัจจTบัน International Telecom Union รายงานมี Digital Native อยู่ประมาณ 4.3 ล้านคน คิดเป็น 6.3% ของประชากรประเทศไทย โดยประชากรกลุ ่มน ี ้จะ เป ็นกล ุ ่มท ี ่ม ีความคล่องและชำนาญในการใช้เทคโนโลยีดิจ3ทัลอย่างมาก ซF่งพวกเขาจะมีบทบาทกับการตลาดดิจ3ทัลอย่างมาก

Page 9: Digital Trend 2014: Time to look forward

PART IIDigital Marketing >>

Page 10: Digital Trend 2014: Time to look forward

5. Content Marketing Era:ถึงเวลาแบรนด์ผลิตคอนเทนต์เอง (ได้แล้ว)หลังจากที่ธุรกิจและแบรนด์หันมาตื่นตัวกับ Digital Marketing และสร้างช่องทางการสื่อสารบนโลกออนไลน์มากมายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ Facebook Twitter Instagram ฯลฯ หนึ่งในสิ่งที่เราเร3่มเห็นในช่วงปีที่ผ่านมาคือการเร3่มแนวคิดใหม่ว่าแบรนด์ควรจะมองหาแนวทางการสร้างคอนเทนต์ที่ไม่ใช่การโฆษณาขายของอีกต่อไป และนั่นทำให้หลายๆ คนตื่นตัวกับ Content Marketing มากขF้น

อันที่จร3ง Content Marketing ไม่ใช่เรX่องใหม่แต่อย่างใด แต่ที่เพิ่งมาถูกพูดถึงเยอะมากในช่วงปีที่ผ่านมาและกลายเป็นเทรนด์การตลาดปัจจTบันก็เพราะธุรกิจและแบรนด์จำนวนมากสามารถมีสื่อของตัวเองได้ง่ายกว่าแต่ก่อน จากเดิมที่ต้องซX้อโฆษณาในสื่ออื่นๆ แต่ปัจจTบันสามารถมีช่องทางนำเสนอคอนเทนต์ตัวเองได้แล้ว แต่นั่นก็เลยเป็นความท้าทายใหม่ของแบรนด์ว่าจะทำคอน

เทนต์อย่างไรให้คนสนใจและอยากติดตามกัน ซF่งนั่นอาจจะไม่ได้ไปในแนวทางการคิดโฆษณาที่แทรกอยู่ในสื่อต่างๆ เหมือนแต่ก่อน

คำถามน่าคิดของนักการตลาดหลังจากที่เราพยายามสร้างฐาน “ผู้ชม” อย่าง Facebook Fan และ Twitter Followers ในช่วงสองปีก่อนคือเราจะผลิตคอนเทต์แบบไหนที่จะสามารถสร้างประโยชน์จากกลุ่มผู้ชมนี้ได้ (และนั่นอาจจะทำให้หลายๆ แบรนด์พบความจร3งที่น่ากลัวว่าได้เดินกลยุทธ์ที่จะสร้างฐานผู้ชมผิดมาตั้งแต่ต้นก็ได้)

กระบวนการคิด Content Strategy จะกลายเป็นความท้าทายใหม่ของแบรนด์และเอเยนซb่ว่าจะดึงตัวแบรนด์ออกมาให้กลายเป็นคอนเทนต์ได้อย่างไร รวมทั้งการว3เคราะห์คุณภาพและมูลค่าของคอนเทนต์ที่ไปมากกว่าการดูแค่ยอด Like Comment และ Share

Page 11: Digital Trend 2014: Time to look forward

6. Not only Facebook Marketingเลิกพูดถึงแต่ Facebook กันเถอะแม้ว่าการตลาดดิจ3ทัลจะมุ่งไปที่ Facebook เป็นหลักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเนื่องจาก Facebook เป็นกิจกรรมหลักของคนออนไลน์อย่างปฏิเสธไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ทิศทางของการทำการตลาดดิจ3ทัลในปีต่อๆ ไปน่าจะมีทางเลือกมากขF้นอย่างเช่น Instagram เองก็มีผู้ ใช้งานจำนวนมากจนติดอันดับโลก หรXอการใช้แพลตฟอร์มอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง

ในขณะเดียวกัน เราจะให้ได้ตลอดช่วงปี 2013 ว่า Facebook มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบหลายอย่างจนกระทบกับการใช้ Facebook Page เพื่อนำเสนอคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น Organic Reach ที่ตกลงอย่างต่อเนื่องหรXอการพยายามให้เจ้าของ Facebook Page ซX้อโฆษณาโปรโมทต่างๆ ซF่งนั่นทำให้หลายๆ คนเร3่มพบแล้วว่า Facebook อาจจะไม่ใช่ทางเลือกเดียวที่ดีที่สุดก็ได้

ประเด็นหนึ่งที่นักการตลาดต้องเร3่มคิดคือ Facebook Twitter หรXอ Instagram นั้นเป็นช่องทางที่แบรนด์ไม่ได้เป็นเจ้าของแบบที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้เสียทีเดียว หากตัวแพลตฟอร์มมีการปรับเปลี่ยนอะไรแล้ว เราก็ต้องจำยอมกับการเปลี่ยนแปลงนั้น ซF่งนั่นอาจจะทำให้หลายคนคิดในเรX่องการสร้างระบบนิเวศน์ของแบรนด์บนโลกออนไลน์เสียใหม่เพื่อให้มีครอบคลุมมากกว่าเดิม และเป็นการกระจายความเสี่ยงไปพร้อมๆ กันด้วย

ในปี 2014 เราน่าจะเห็นพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เนตที่เปลี่ยนไปกว่าเดิม ซF่งการตลาดดิจ3ทัลเองก็ต้องผันตัวเองตามให้ทันด้วยเช่นกัน และนั่นคือการปรับตัวสู่ความหลากหลายทั้งในเรX่องเทคนิค ว3ธbการ ช่องทาง เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมที่หลากหลายและแตกต่างไปตาม Customer Journey แบบใหม่ด้วย

Page 12: Digital Trend 2014: Time to look forward

7. Real-Time Mediaนวัตกรรมใหม่ของสื่อโฆษณาออนไลน์

นอกจากสื่อใหม่ๆ อย่าง Social Media แล้ว การตลาดดิจ3ทัลเองก็ยังไม่สามารถมองข้ามหรXอลืมสื่อพื้นฐานของ Digital Display ได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้จะเห็นว่า Eco-System ของ Digital Media นั้นขยายตัวมากขF้นเรX่อยๆ เช่นเดียวกับทางเลือกและช่องทางของข้อมูลดิจ3ทัล ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์และบล็อกต่างๆ มากมายที่เกิดขF้นในทุกๆ วัน

การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างสื่อโฆษณาออนไลน์นี้ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีในการซX้อสื่อโฆษณาที่จะสะดวกสบายยิ่งขF้น สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขF้น นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งงได้มากกว่าเดิมเพื่อประสิทธ3ภาพที่สูงขF้นของการใช้งบประมาณเพื่อซX้อสื่อโฆษณาดังเช่นที่เราเร3่มคุ้นเคยกับการใช้ Ad Network, Facekbook Ad มากขF้นเรX่อยๆ

เทคโนโลยีใหม่ๆ จะเข้ามาเป็นตัวเลือกให้กับนักการตลาดเพิ่มขF้น อย่าง Demand-Side Platform ที่จะเร3่มเข้ามามีบทบาทสำหรับการซX้อสื่อโฆษณาแบบ Real-Time ที่ผู้ซX้อโฆษณาสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายแล้วให้ระบบทำการประมวลผลและส่งโฆษณาไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ที่กลุ่มเป้าหมายกำลังใช้อยู่ ว3ธbการแบบนี้มีการอัพเดทข้อมูลอยู่ตลอดเวลาซF่งจะเป็นผลดีที่โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เลือกเฉพาะเจาะจงจร3ง ทำให้โอกาสและประสิทธ3ภาพสูงกว่าการซX้อโฆษณาแบบเดิมๆ

นอกจากการซX้อสื่อแล้ว เทคโนโลยีของการวัดผลและจัดเก็บข้อมูลเองก็จะเป็นอีกด้านที่สำคัญไม่แพ้กันเพราะความต้องการที่จะวัดคุณภาพของการใช้สื่อโฆษณาจะสูงขF้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อนำมารองรับและเสร3มการอธ3บายเช3งปร3มาณที่สื่อดิจ3ทัลทำได้ดีอยู่แล้ว

Page 13: Digital Trend 2014: Time to look forward

8. Social Listeningถึงเวลาล่วงรู้ว่าผู้บร3โภคเขาคิดอะไรคงไม่มียุคไหนก่อนหน้านี้ที่ผู้บร3โภคจะแชร์ความเห็นและข้อมูลต่างๆ ของพวกเขาให้สามารถเข้าถึงกันได้แบบฟรbๆ เท่ายุคดิจ3ทัลอีกแล้ว Social Media ทำให้คนจำนวนมากแชร์เรX่องราวต่างๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทุกๆ เรX่องตั้งแต่ข่าว เทรนด์ สินค้า บร3การ ฯลน ซF่งนั่นก็ไม่ต่างจาก Market Research ที่สามารถหาอ่านได้ตามเว็บบอร์ดทั่วไป ใน Timeline Twitter หรXอในบล็อกต่างๆ

ข้อมูลความคิดเห็นของผู้บร3โภคเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์กับธุรกิจในหลายๆ ด้านตั้งแต่การดูสถานะของธุรกิจในสายตาของผู้บร3โภค การรวบรวมความคิดเห็นทั้งด้านติ

และชมเพื่อนำไปปรับปรุง ตลอดไปจน Insight บางอย่างที่นักการตลาดหรXอผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถนำไปใช้ต่อได้ และรวมไปถึงการรู้ทันสถานการณ์ร้ายแรงที่อาจจะเกิดขF้นหากผู้บร3โภคเร3่มก่อหวอดโจมตีแบรนด์บนโลกออนไลน์

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เครX่องมืออย่าง Social Listening จFงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยนักการตลาดในการรวบข้อมูลเหล่านี้และอัพเดทให้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่นักการตลาดจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปว3เคราะห์ได้อย่างทันท่วงที และนั่นทำให้ Social Listening จะเป็นเครX่องมือสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ในปี 2014 เลยทีเดียว

Page 14: Digital Trend 2014: Time to look forward

9. Big Dataเอาข้อมูลดิจ3ทัลมาใช้ประโยชน์กันเถิดหน ึ ่ ง ในค ุณล ักษณะท ี ่ยอดเย ี ่ยมของเทคโนโลยีดิจ3ทัลคือการเก็บข้อมูลที่ลึกและละเอียดมากอย่างไม่น่าเชX่อ เช่นรูปถ่ายหนึ่งรูปสามารถระบุได้ตั้งแต่รุ่นกล้องที่ใช ้ ขนาดความละเอียด วัน เวลา และสถานที่ที่ถ่าย ฯลน ทั้งหมดนนี้กลายเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปว3เคราะห์ได้มากมาย

และเมื่อเทคโนโลยีทำให้ผู้บร3โภคผลิตคอนเทนต์ดิจ3ทัลออกมาได้มากเช่นเดียวกับการใช้บร3การที่มีเทคโนโลยีดิจ3ทัลอยู่ด้วย นั่นทำ ให ้ เก ิ ดข ้อม ู ลมหาศาลท ี ่ บ ่ งช b ้ ถ ึ งพฤติกรรมของผู้บร3โภคต่างๆ เช่นสถานที่ที่มีการถ่ายรูปมากที่สุด ช่วงเวลาที่มีคนเข้ามาคอมเมนต์มากที่สุด คำพูดที่มีการพูดถึงบ่อยที่สุด ฯลฯ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นชุดข้อมูลที่จะแปรเป็น Market Research ที่มี

ความสำคัญได้ไม่ต่างจากข้อมูลที่เราได้จาก Social Listening เลย

ด้วยเหตุนี ้ป ี2014 จFงเป็นปีที่นักการตลาดต้องเร3 ่มสนใจในการว3เคราะห์ตัวเลขและข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขF้นบนโลกดิจ3ทัล ทั้งในส่วนที่มาจากสื่อของตัวเองเช่น Facebook Twitter หรXอจากสื่ออื่นๆ เช่นเว็บไซต์ เว็บบอรด ์ เพื่อถอดรหัสพฤติกรรมของกลุ่มเป ้าหมายตัวเอง ตลอดไปจนถึงการประเมินผลและว3เคราะห์สถานะของตัวเองไปพร้อมๆ กัน ซF่งสิ่งที่จำเป็นต้องมองหาคือเครX่องมือเช่นซอฟท์แวร์ที ่เก็บฐานข้อมูลต่าง ๆ ได้มาก โปรแกรมประมวลผล ตลอดจนนักว3เคราะห์ที ่เชb ่ยวชาญเรX่องสถิติและตัวเลข

Page 15: Digital Trend 2014: Time to look forward

10. Digital Out of Homeการตลาดดิจ3ทัลที่ออกไปสู่ท้องถนน

จากเดิมที ่ เราอาจจะคิดว่าการตลาดดิจ3ทัลนั้นเน้นอยู่ที ่การใช้คอมพิวเตอร์ และแม้จะมีบร3การบนอินเทอร์ เนตจนเป ็นท ี ่น ิยมอย่าง Facebook เอง ผู้ใช้งานก็ยังคงต้องติดล็อคอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ซF่งน ั ่นทำให้แคมเปญต่างๆ ถูกดีไซน์ให้ ใช้งานผ่านหน้าจอเส ียส ่วนใหญ่ เช ่น Facebook Application

อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขF้นทำให ้ข ้อจำกัดเหล่าน ี ้ลดลงไปเร X ่อยๆ พร้อมกับการเพิ่มเทคนิคใหม่ ๆ เข้ามาให้มีลูกเล่นสำหรับการทำแคมเปญในสถานที่ที่ไม่จำเอินเทอร์เนตป็นว่าต้องเป็นบ้านหรXอที่ทำงานอีกต่อไป

ตัวอย่างที่น่าสนใจเช่น Instaprint หรXอ Selfiprint ที่เป็นฝีมือของคนไทยโดยให้บร3การพิมพ์รูปภาพที่มีการติด #hashtag บน Instagram หรXอ Social Media อื่นๆ เพื่อให้คนที่เข้าร่วมงานอีเวนท์ได้สนุกกับการถ่ายรูปและติด #hashtag เพื่อแชร์บน Social Media นั่นทำให้เห็นว่าลูกเล่นของการทำแคมเปญ Outdoor สามารถผนวกดิจ3ทัลเข้าไปได้มากกว่าแต่ก่อน

ในต่างประเทศเองนั้น เราก็เร3่มเห็นการใช้ดิจ3ทัลมาทำอะไรบนท้องถนนบ่อยขF้น เช่นการใช้ป้าย Billboard ที่ตอบสนองกับมือถือของผู ้ ใช ้และทำการเปลี ่ยนป้ายตามข้อมูลที่ถูกส่งมา หรXอการทำโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ให้คนได้ส่งคอนเทนต์ของตัวเองไปขF้นแสดงร่วมกันอย่าง Social Tree ที่สนามบิน Changi เป็นต้น

เทรนด์การคิดแคมเปญการตลาดดิจ3ทัลแบบออกไปสู ่ท ้องถนนคงจะม ี เพ ิ ่มข F ้นเรX่อยๆ ในปี 2014 เพราะโลกดิจ3ทัลของผู้บร3โภคไม่ได้อยู่ในบ้านหรXอที่ทำงานอีกต่อไป หน้าจอที ่ 3 กลายเป็นช่องทางเข้าถึงอินเทอร์เนตทุกที่ทุกเวลา โทรศัพท์มือถือก็สามารถเป็นอุปกรณ์ที่ทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมายเช่นการเก็บข้อมูลสถานที ่ นับจำนวนก้าว ฯลฯ ซF่งนั่นกลายเป็นเครX่องมือของการคิดสร้างสรรค์การตลาดว3ธbใหม่ๆ ได้อีกมากทีเดียว

Page 16: Digital Trend 2014: Time to look forward

We have worked really hard over the past ten years to grow our expertise in the digital industry. EDGE ASIA ACADEMY has been born out of our desire to share our combined knowledge and experience of the ever changing digital landscape. Through our learning centre, we hope to help educate and guide you to meet the digital challenges of today and the opportunities of tomorrow. (for more information, visit: http://academy.edge-asia.com )

About Edge Asia Academy

Edge is the only advertising network born in the Digital Age of Southeast Asia. Our heritage is here in our region. We are founded by entrepreneurs who have built businesses for the unique demands of consumers and global brand owners in the markets where we operate. We are not a legacy network trying to force fit old-world thinking into the high growth, early adopter markets of SE Asia.

We combine a street-smart understanding of our region’s vast and growing population of digital citizens with deep executional expertise in disciplines across the entire landscape of paid, earned and owned platforms.

We now have over 450 specialists working out of offices in Ho Chi Minh City, Hanoi, Bangkok, Kuala Lumpur, Jakarta and Singapore.

About Edge Asia

The New Media Edge Company Limited

946 Dusit Thani Building, 8th floor, Unit 801,Rama IV Road., Silom, Bangrak, Bangkok, 10500 Thailand

Telephone: +(662) 237-2737, +(662) 237-2737 (-41) Fax: +(662) 237 2742

Website: www.edge-asia.comFacebook: www.facebook.com/EdgeThailand