เวชศาสตร์ทันยุค ๒๕๕๖...พบ neutrophil ในเสมหะ...
TRANSCRIPT
เวชศาสตร์ทันยุค ๒๕๕๖
เวชศาสตร์ทันยุค ๒
๕๕๖
คณะแพ
ทยศาสตร์ศิริราชพ
ยาบาล มหาวิท
ยาลัยมหิดล
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
อาการไอเรื้อรังในเด็ก
(Chronic Cough in Children)
แพทย์หญิงจิตติมาเวศกิจกุล
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล
อาการไอเป็นกลไกที่ส�าคัญของร่างกายในการป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่อาจเป็นอันตราย
เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และก�าจัดส่ิงตกค้างออกจากระบบทางเดินหายใจ อาการไอเป็นอาการ
ที่พบได้บ่อยในเด็ก โดยพบอุบัติการณ์ของอาการไอในเด็กก่อนวัยเรียน ร้อยละ 351 และเด็กอายุ
7-11ปีร้อยละ92อาการไอในเด็กส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสของระบบทางเดินหายใจส่วนบน
และมักหายได้เองภายใน1-3สัปดาห์อย่างไรก็ตามร้อยละ5-103ของเด็กอายุ6-12ปีพบมีอาการ
ไอเรื้อรัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการด�าเนินชีวิตประจ�าวัน รบกวนการนอนหลับของเด็ก และสร้าง
ความกังวลใจให้แก่ผู้ปกครองได้ รวมทั้งอาจเป็นอาการน�าที่ส�าคัญของโรคต่างๆทั้งโรคในระบบ
ทางเดินหายใจและระบบอื่น ดังนั้นเด็กที่มีอาการไอเรื้อรังจึงควรได้รับการประเมินเพ่ือหาสาเหตุ
ของอาการไอเรื้อรังซึ่งจะน�ามาสู่การรักษาที่เหมาะสม
ค�าจ�ากัดความ
อาการไอในเด็กแบ่งตามระยะเวลาของอาการไอเป็น3กลุ่ม4,5ดังนี้
1. อาการไอเฉียบพลัน(acutecough)คืออาการไอที่มีระยะเวลาน้อยกว่า2สัปดาห์
2.อาการไอกึ่งเฉียบพลัน (subacute cough) คือ อาการไอที่มีระยะเวลาระหว่าง 2-4
สัปดาห์
3. อาการไอเรื้อรัง(chroniccough)คืออาการไอที่มีระยะเวลานานกว่า4สัปดาห์ซึ่งแบ่ง
เป็นกลุ่มย่อยตามสาเหตุเป็น2กลุ่ม5,6ดังนี้
3.1อาการไอที่มีลักษณะเฉพาะ (specific cough) คือ อาการไอท่ีพบร่วมกับอาการ
และอาการแสดงที่มีความเฉพาะกับโรคที่เป็น(ตารางที่1)4,5ซึ่งโรคที่พบอาจเป็นโรคที่มีความรุนแรง
เช่น bronchiectasis, interstitial lungdisease,ความผดิปกตขิองหวัใจ เป็นต้นดงันัน้ผูป่้วยในกลุม่นี้
ควรได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดและให้การรักษาที่เหมาะสม
ตามสาเหตุ
3.2อาการไอที่ไม่มีลักษณะเฉพาะ(nonspecificcough)คืออาการไอที่ไม่พบอาการ
และอาการแสดงที่มีความเฉพาะกับโรคที่เป็นสาเหตุ อาการไอของผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักเกิดจากสาเหต ุ
ที่ไม่รุนแรงและหายได้เองเช่นการไอตามหลังการติดเชื้อ(postinfectiouscough)เป็นต้น
86 อาการไอเรือ้รงัในเดก็
ตารางที่ 1. อาการและอาการแสดงที่มีความเฉพาะกับโรคที่เป็นสาเหตุของอาการไอ
อาการและอาการแสดง สาเหตุของอาการไอAuscultatoryfindings
- Wheeze Asthma,tracheomalacia
- Crepitations Parenchymaldiseaseเช่นinterstitiallungdisease
Cardiacabnormalities(includingmurmur) Associatedairwayabnormalities,cardiacfailure
Chestpain Arrhythmia,asthma,pleuritis
Chestwalldeformity Pulmonaryairwayหรือparenchymaldisease
Dailymoistหรือproductivecough Suppurativelungdisease
Digitalclubbing Suppurativelungdisease,congenitalheartdisease
Dyspneaหรือtachypnea Pulmonaryairwayหรือparenchymaldisease
Exertionaldyspnea Airwayหรือparenchymaldisease
Failuretothrive Serious systemic including pulmonary illness เช่น
cysticfibrosis,immunodeficiency
Feedingdifficulties Serioussystemicincludingpulmonaryillness,aspiration
Hemoptysis Suppurativelungdisease,vascularabnormalities
Hypoxiaหรือcyanosis Airwayหรือparenchymaldisease,cardiacdisease
Immunodeficiency Suppurativelungdisease,atypicalinfection
Neurodevelopmentalabnormality Aspirationlungdisease
Recurrentpneumonia Immunodeficiency,congenitallungabnormalities,
tracheoesophagealfistula
ทีม่า:ดดัแปลงจากChangAB,LandauLI,vanAsperenPP,GlasgowNJ,RobertsonCF,March-
antJM,etal.Coughinchildren:definitionsandclinicalevaluation−positionstatement
ofthethoracicsocietyofAustraliaandNewZealand.MedJAust2006;184:398-403.4
และChangAB,GlombWB.Guidelinesforevaluatingchroniccoughinpediatrics:ACCP
evidence-basedclinicalpracticeguidelines.Chest2006;129:S260-83.5
พยาธิสรีรวิทยา
อาการไอเกิดจากการกระตุ้นตัวรับสัญญาณการไอซึ่งแทรกอยู่ระหว่างเซลล์เย่ือบุทางเดิน
หายใจตั้งแต่คอหอยจนถึงหลอดลมโดยการกระตุ้นอาจเป็นmechanicalstimuliเช่นหลอดลมตีบ
ปอดแฟบ ความยืดหยุ่นของปอดลดลง เป็นต้น หรืออาจเป็น chemical stimuli เช่น กรด
ความร้อนbradykininเป็นต้น7เมื่อมีการกระตุ้นจะมีการส่งสัญญาณผ่านทางafferentfiberของ
เส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 ไปยังศูนย์ควบคุมการไอที่อยู่บริเวณก้านสมองหลังจากนั้นจะมีการ
ส่งสญัญาณผ่านกลับมาทางefferentfiberของเส้นประสาทสมองคูท่ี่10และไขสนัหลงัมากระตุน้บรเิวณ
กล่องเสียงกระบังลมและกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจท�าให้เกิดอาการไอขึ้นซึ่งแบ่งเป็น3ระยะ8
ดังนี้
87อาการไอเรือ้รงัในเดก็
Inspiratoryphaseเริ่มจากการสูดหายใจเข้าลึกประมาณ1.5-2เท่าของtidalvolume
ท�าให้มีการขยายตัวของหลอดลมต่างๆเพื่อเพิ่มปริมาตรอากาศในทางเดินหายใจ
Compressivephase เริ่มจากการปิดของกล่องเสียง และต่อมามีการหดตัวของกล้ามเนื้อ
หน้าอกท้องและกระบังลมอย่างรวดเร็ว
Expiratoryphaseเร่ิมจากการเปิดของชดุสายเสยีงทนัทีท�าให้อากาศภายในทางเดนิหายใจ
ออกสู่ภายนอกอย่างรวดเร็ว
สาเหตุของอาการไอเรื้อรังในเด็ก
สาเหตุของอาการไอเร้ือรังในเด็กทีพ่บบ่อยได้แก่โรคหดืprotractedbacterialbronchitis
และupperairwaycoughsyndrome9ส�าหรับสาเหตุอื่นของอาการไอเรื้อรังในเด็กที่พบรองลงมา
ได้แก่โรคกรดไหลย้อนโรคไอกรนวัณโรคปอดการไอตามหลังการติดเชื้อการส�าลักสิ่งแปลกปลอม
bronchiectasis,psychogeniccoughความผิดปกติของหลอดลมที่มีมาแต่ก�าเนิดcysticfibrosis
เป็นต้น5,10
โรคหืดเป็นโรคที่มีการอักเสบของหลอดลมท�าให้เกิดการอุดกั้นของหลอดลมและหลอดลม
มีความไวมากกว่าปกติผู้ป่วยจะมีอาการไอเรื้อรังหอบหายใจมีเสียงwheezeโดยอาการเป็นมาก
เวลากลางคืนอากาศเย็นหรือออกก�าลังกายตรวจสมรรถภาพการท�างานของปอดจะพบมีการอุดกั้น
ของหลอดลมและอาการดีขึ้นภายหลังจากได้รับยาขยายหลอดลม (reversible airway obstruc-
tion)รักษาโดยการใช้ยากลุ่มcontrollerเช่นinhaledcorticosteroids,leukotrienereceptor
antagonistเป็นต้น
Protracted bacterial bronchitisเกิดจากการติดเชื้อStreptococcus pneumoniae,
Haemophilus influenzaeและ Moraxella catarrhalis ผู้ป่วยจะมีอาการไอมีเสมหะเรื้อรังและ
พบ neutrophil ในเสมหะ ตรวจภาพรังสีทรวงอกปกติหรืออาจพบbronchialwall thickening
ได้ตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะนาน4-6สัปดาห์
Upper airway cough syndrome(postnasaldripsyndrome)คือกลุ่มโรคที่มีอาการ
ไอเรื้อรังซึ่งเกิดจากการกระตุ้นตัวรับสัญญาณการไอที่บริเวณทางเดินหายใจส่วนบน โดยสารคัดหลั่ง
หรือการอักเสบในโพรงจมูกเช่นโรคไซนัสอักเสบโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เป็นต้นอาการไอ
จะดีขึ้นหลังจากให้การรักษาโรคไซนัสอักเสบและโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
โรคกรดไหลย้อน อาการไอเกิดจากน�้าย่อยซึ่งเป็นกรดมีการไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร
เกิดการกระตุ้นesophagotracheobronchialreflexผ่านทางเส้นประสาทสมองคู่ที่10ท�าให้เกิด
อาการไอเรื้อรังขึ้นการรักษาคือการให้ยาprotonpumpinhibitors,prokineticagentsและH2
antagonists
88 อาการไอเรือ้รงัในเด็ก
โรคไอกรนเกิดจากการติดเชื้อBordetella pertussisผู้ป่วยจะมีอาการไอถี่ติดกันเป็นชุดๆ
(paroxysmalwith/withoutwhoop) และไอรุนแรงจนเกิดเลือดออกในที่ต่างๆ เช่น เลือดออก
ในเยื่อบุตาเป็นต้นรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มmacrolides
วัณโรคปอด ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการไอเรื้อรัง ร่วมกับอาการแสดงอื่น เช่น ไข้ น�้าหนักลด
เบื่ออาหารเหงื่อออกตอนกลางคืนเป็นต้นโดยผู้ป่วยเด็กมักได้รับเชื้อมาจากคนใกล้ชิดในครอบครัว
ดงันัน้ควรซกัประวตักิารสมัผสัหรอือยูใ่กล้ชดิกบัผูป่้วยวณัโรคหรอืไอเรือ้รงัการวนิจิฉยัอาศยัจากอาการ
และอาการแสดงที่เข้าได้ร่วมกับตรวจภาพรังสีทรวงอกพบความผิดปกติและการทดสอบทุเบอร์คุลิน
ให้ผลบวกการรักษาคือการให้ยาต้านวัณโรค
การไอตามหลังการติดเชื้อ เป็นอาการไอที่เกิดขึ้นตามหลังการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดิน
หายใจส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีอาการไอแห้งๆและอาการหายได้เอง
การส�าลกัสิง่แปลกปลอมพบบ่อยในเดก็อายุ1-3ปีโดยการส�าลักอาหารหรอืส่ิงแปลกปลอม
ลงไปในหลอดลมมกัท�าให้เกดิอาการไอแบบเฉยีบพลนัแต่ถ้าสิง่แปลกปลอมตกค้างอยูน่านจะท�าให้เกดิ
อาการไอเรื้อรังได้การรักษาคือrigidbronchoscopyเพื่อน�าสิ่งแปลกปลอมออกมา
Bronchiectasis คือโรคที่มีการโป่งพองของหลอดลมพบสัมพันธ์กับ cystic fibrosis,
immotileciliasyndrome,ปอดอักเสบเป็นซ�้าและภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องวินิจฉัยโดยการตรวจ
high-resolutionCTscan
Psychogenic cough(habitcough)ผูป่้วยมอีาการไอแบบhongingcoughหรอืbarking
coughอาการไอมักเป็นช่วงตื่นและหายไปในช่วงเวลาที่หลับตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติ
การไม่พบความผดิปกตใิดๆการวนิจิฉยัควรแยกโรคอืน่ทีเ่ป็นสาเหตขุองอาการไอเรือ้รงัก่อนการรกัษา
คือแนะน�าวิธีควบคุมอาการไอและปรึกษาจิตแพทย์
ความผิดปกติของหลอดลมที่มีมาแต่ก�าเนิดเช่นtracheomalacia,tracheoesophageal
fistula,laryngealcleftเป็นต้นท�าให้เกดิอาการไอเรือ้รงัได้แต่พบไม่บ่อยโดยผูป่้วยtracheomalacia
มักมีอาการไอแบบbarkingcoughในขณะที่ผู้ป่วยtracheoesophagealfistulaและlaryngeal
cleftมกัมอีาการไอทีส่มัพนัธ์กบัการกนิอาหารการตรวจbronchoscopyสามารถช่วยในการวนิจิฉยั
ได้
Cystic fibrosisเป็นโรคทีถ่่ายทอดทางพนัธกุรรมเกดิจากมคีวามผดิปกตขิองโปรตนีcystic
fibrosistransmembraneconductanceregulator(CFTR)ท�าให้ร่างกายไม่สามารถควบคมุปรมิาณ
chlorideที่ผ่านเข้าออกเซลล์ได้เยื่อเมือกจึงหนาตัวเหนียวและเกาะติดแน่นผู้ป่วยจะมีอาการของ
ระบบทางเดินหายใจร่วมกับอาการในระบบทางเดินอาหาร วินิจฉัยโดยการตรวจ sweat chloride
test
89อาการไอเรือ้รงัในเดก็
การวินิจฉัยสาเหตุของอาการไอ
ในเด็กที่มีอาการไอเรื้อรังควรได้รับการประเมินเพื่อหาสาเหตุ โดยการซักประวัติและตรวจ
ร่างกายอย่างละเอียดรวมทั้งการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการวินิจฉัย
1. การซักประวัติ
การซกัประวตัเิกีย่วกบัรายละเอยีดของอาการไอมคีวามส�าคญัช่วยในการวนิจิฉยัหาสาเหตุ
ได้11-13
1.1 ระยะเวลาที่มีอาการไออาการที่เป็นนานกว่า4สัปดาห์จัดเป็นอาการไอเรื้อรัง
1.2อายุที่เริ่มมีอาการไอ ถ้ามีอาการเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิดควรสงสัยความผิดปกติของ
หลอดลมที่มีมาแต่ก�าเนิดเช่นtracheomalacia,tracheoesophagealfistula,laryngealcleft
เป็นต้น
1.3ลักษณะของอาการไออาการไอที่มีลักษณะเฉพาะสามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคได้
เช่นไอเสียงก้องไอเป็นชุดๆไอแห้งไอมีเสมหะเป็นต้น(ตารางที่2)5
ตารางที่ 2. สาเหตุตามลักษณะของอาการไอ
ลักษณะของอาการไอ สาเหตุ
Barkingหรือbrassycough Croup,tracheomalacia
Coughproductiveofcasts Plasticbronchitis
Chronicwetcoughinmorningsonly Suppurativelungdisease
Honking Psychogeniccough
Paroxysmal(with/withoutwhoop) Pertussisและparapertussis
Staccato Chlamydiaininfants
ที่มา:ดัดแปลงจากChangAB,GlombWB.Guidelines forevaluating chronic cough in
pediatrics:ACCPevidence-basedclinicalpracticeguidelines.Chest2006;129:S260-83.5
1.4ช่วงเวลาที่มีอาการไอ เช่น อาการไอเวลาอากาศเย็นหรือตอนกลางคืน ควรสงสัย
reactive airway disease อาการไอหายไปในช่วงเวลาที่หลับ ควรสงสัย psychogenic cough
เป็นต้น
1.5สิง่ทีท่�าให้อาการไอเป็นมากขึน้หรอืลดลงเช่นอาการไอทีส่มัพนัธ์กบัการออกก�าลงักาย
และดีขึ้นเมื่อได้รับยาขยายหลอดลมควรสงสัยโรคหืดเป็นต้น
1.6อาการอื่นที่พบร่วมด้วยเช่นไข้น�้ามูกหอบน�้าหนักลดเป็นต้น
1.7ประวัติครอบครัวเช่นการเจ็บป่วยของคนในครอบครัววัณโรคโรคภูมิแพ้cystic
fibrosisเป็นต้น
90 อาการไอเรือ้รงัในเด็ก
1.8ประวัติสิ่งแวดล้อมเช่นการสูบบุหรี่สัตว์เลี้ยงฝุ่นเป็นต้น
1.9ประวัติการใช้ยา เช่นยาในกลุ่ม angiotensin-convertingenzyme inhibitors
เป็นต้น
2. ตรวจร่างกาย
ควรตรวจร่างกายระบบต่างๆ อย่างละเอียด โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ เนื่องจาก
อาการและอาการแสดงที่พบอาจมีความเฉพาะกับโรคที่เป็นสาเหตุของอาการไอ4,5,12
2.1 สัญญาณชีพควรตรวจว่ามีภาวะrespiratorydistressร่วมด้วยหรือไม่
2.2 การเจริญเติบโตและพัฒนาการ ในเด็กที่มีอาการไอเรื้อรังร่วมกับน�้าหนักต�่ากว่า
เกณฑ์ อาจมีสาเหตุจากโรคท่ีรุนแรง เช่น cystic fibrosis, immunodeficiency เป็นต้น เด็กที่มี
พัฒนาการผิดปกติหรือความผิดปกติเกี่ยวกับกล้ามเนื้อระบบประสาทควรสงสัยaspiration lung
disease
2.3หูคอจมูก เช่นตรวจพบเยื่อบุจมูกที่บวมซีดและallergicshinersอาจบ่งชี้ถึง
โรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ตรวจพบน�้ามูกเป็นหนองไหลจากบริเวณรูเปิดไซนัส อาจบ่งชี้ถึง
โรคไซนัสอักเสบเป็นต้น
2.4ลักษณะรูปร่างทรวงอกเช่นทรวงอกที่มีลักษณะเป็นbarrel-shapedอาจบ่งชี้ถึง
โรคที่มีการอุดกั้นของหลอดลมขนาดเล็กเป็นต้น
2.5เสียงปอด เช่น เสียงwheezeอาจบ่งชี้ถึงโรคหืด เสียงcrepitationอาจบ่งชี้ถึง
interstitiallungdiseaseเป็นต้น
2.6ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น dextrocardia อาจบ่งชี้ถึง primary ciliary
dyskinesia,digitalclubbingอาจบ่งชี้ถึงchronicsuppurativelungdiseaseเป็นต้น
2.7ระบบผิวหนังเช่นผื่นeczemaอาจบ่งชี้ถึงโรคภูมิแพ้เป็นต้น
3. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เด็กที่มีอาการไอเรื้อรังทุกคนควรได้รับการตรวจภาพรังสีทรวงอกและตรวจสมรรถภาพ
การท�างานของปอด(ในเด็กอายุมากกว่า6ปี)5,13ถ้าตรวจพบความผิดปกติของภาพรังสีทรวงอกหรือ
ความผิดปกติของสมรรถภาพการท�างานของปอดหรือผู้ป่วยมีอาการไอที่มีลักษณะเฉพาะ ควรได้รับ
การประเมินและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม โดยอาศัยข้อมูลจากการซักประวัติและตรวจ
ร่างกายเพื่อน�าไปสู่การวางแผนในการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสม เช่น ทดสอบภูมิแพ้
(skin testingหรือ specific IgE) ในกรณีที่สงสัยโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และโรคหืดตรวจ
methacholinechallengetestในกรณีที่สงสัยโรคหืดตรวจhigh-resolutionCTscanในกรณี
ที่สงสัยbronchiectasisเป็นต้น5,10,14
ส�าหรับอาการไอทีไ่ม่มีลกัษณะเฉพาะหรอืตรวจไม่พบความผดิปกตขิองภาพรงัสทีรวงอก
และสมรรถภาพการท�างานของปอด มักเกิดจากการไอตามหลังการติดเชื้อ ซึ่งหายได้เองและ
ไม่จ�าเป็นต้องส่งตรวจทางห้องปฏบิตักิารเพิม่เตมิแต่ควรให้ค�าแนะน�าแก่ผูป้กครองและตดิตามดอูาการ
เป็นระยะ5,14
91อาการไอเรือ้รงัในเดก็
การรักษา
การรักษาอาการไอเรื้อรังในเด็กที่เหมาะสมที่สุด คือ ให้การรักษาตามสาเหตุของอาการไอ
ส�าหรับอาการไอที่ไม่มีลักษณะเฉพาะและตรวจไม่พบความผิดปกติใดๆอาจไม่ทราบสาเหตุท่ีแน่ชัด
ซึ่งการให้ empiric therapy มีประสิทธิผลเพียงเล็กน้อยส�าหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ดังนั้นควรพิจารณา
อย่างรอบคอบและติดตามประเมินอาการผู้ป่วยซ�้าเป็นระยะ4,5,14
ยาบรรเทาอาการไอ มีผลเพียงเล็กน้อยในการบรรเทาอาการไอในเด็ก15 โดย American
academyofPediatricsแนะน�าว่าไม่ควรใช้ยากดอาการไอcodeineและdextromethorphan
ในเด็กเนื่องจากไม่มีข้อมูลยืนยันถึงความปลอดภัยและประสิทธิผลที่แน่ชัด16
ยาต้านฮสีตามนีช่วยลดอาการของโรคเยือ่บจุมกูอกัเสบได้แต่ไม่มปีระสทิธผิลในการบรรเทา
อาการไอในเด็ก17
ยาที่ใช้ในการรักษาโรคหืดบรรเทาอาการไอที่เกิดจากโรคหืด แต่ไม่มีข้อมูลสนับสนุน
การใช้ยาในกลุ่มนี้เพื่อบรรเทาอาการไอที่ไม่มีลักษณะเฉพาะ4-6
ยาปฏิชีวนะ มีผลในการลดระยะเวลาของอาการไอในผู้ป่วยท่ีเป็นโรคไซนัสอักเสบและ
protractedbacterialbronchitisแต่ไม่มผีลในการบรรเทาอาการไอทีไ่ม่มลัีกษณะเฉพาะหรอือาการ
ไอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส18
ยาท่ีใช้ในการรักษาโรคกรดไหลย้อนบรรเทาอาการไอที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อน แต่ไม่มี
บรรเทาอาการไอที่ไม่มีลักษณะเฉพาะ19
นอกจากนี้ การให้ความรู้และค�าแนะน�าแก่ผู้ปกครองเป็นสิ่งส�าคัญที่สุดในการรักษาอาการ
ไอเรื้อรังท�าให้คลายความวิตกกังวลใจของผู้ปกครองและส่งผลให้การรักษามีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
สรุป
อาการไอเป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสของระบบ
ทางเดนิหายใจส่วนบนและมกัหายได้เองภายใน1-3สัปดาห์ดงันัน้เดก็ทีม่อีาการไอนานกว่า4สัปดาห์
ควรได้รับการซักประวติัและตรวจร่างกายอย่างละเอยีดร่วมกบัตรวจภาพรงัสทีรวงอกและสมรรถภาพ
การท�างานของปอดเพื่อหาสาเหตุของอาการไอแล้วให้การรักษาที่เหมาะสม
เอกสารอ้างอิง1. KoganMD,PappasG,YuSM,KotelchuckM.Over-the-countermedicationuseamongpreschool-age
children.JAMA1994;272:1025-30.
2. LeonardiGS,HouthuijsD,NikiforovB,VolfJ,RudnaiP,ZejdaJ,etal.Respiratorysymptoms,bronchitis
andasthmainchildrenofcentralandeasternEurope.EurRespirJ2002;20:890-8.
3. FaniranAO,PeatJK,WoolcockAJ.Measuringpersistentcoughinchildreninepidemiologicalstudies:
developmentofaquestionnaireandassessmentofprevalenceintwocountries.Chest1999;115:434-9.
92 อาการไอเรือ้รงัในเด็ก
4. ChangAB,LandauLI,vanAsperenPP,GlasgowNJ,RobertsonCF,MarchantJM,etal.Coughinchildren:
definitionsandclinicalevaluation−positionstatementofthethoracicsocietyofAustraliaandNew
Zealand.MedJAust2006;184:398-403.
5. ChangAB,GlombWB.Guidelinesforevaluatingchroniccoughinpediatrics:ACCPevidence-based
clinicalpracticeguidelines.Chest2006;129:S260S-83.
6. ChangAB.Cough.PediatrClinNorthAm2009;56:19-31.
7. ChungKF,PavordID.Prevalence,pathogenesis,andcausesofchroniccough.Lancet2008;371:1364-74.
8. McCoolFD.Globalphysiologyandpathophysiologyofcough:ACCPevidence-basedclinicalpractice
guidelines.Chest2006;129:S48-53.
9. AsilsoyS,BayramE,AginH,ApaH,CanD,GulleS,etal.Evaluationofchroniccoughinchildren.Chest
2008;134:1122-8.
10. RamanujaS,KelkarPS.Theapproachtopediatriccough.AnnAllergyAsthmaImmunol2010;105:3-8.
11. BrodlieM,GrahamC,McKeanMC.Childhoodcough.BrMedJ2012;344:e1177.
12. MassieJ.Coughinchildren:whendoesitmatter?PaediatrRespirRev2006;7:9-14.
13. ShieldsMD,BushA,EverardML,McKenzieS,PrimhakR.Recommendationsfortheassessmentand
managementofcoughinchildren.BritishThoracicSocietyCoughGuidelineGroup.Thorax2008;63:
1-15.
14. GoldsobelAB,ChippsBE.Coughinthepediatricpopulation.JPediatr2010;156:352-8.
15. SchroederK,FaheyT.Over-the-countermedicationsforacutecoughinchildrenandadultsinambulatory
settings.CochraneDatabaseSystRev2008;1:CD001831.
16. BerlinCM,McCarver-MayDG,NottermanDA,WardRM,WeismannDN,WilsonGS,etal.Useofcodeine-
anddextromethorphan-containingcoughremediesinchildren.Pediatrics1997;99:918-20.
17. ChangAB,PeakeJ,McElreaMS.Anti-histaminesforprolongednon-specificcoughinchildren.Cochrane
DatabaseSystRev2008;2:CD005604.
18. MarchantJM,MorrisP,GaffneyJ,ChangAB.Antibioticsforprolongedmoistcoughinchildren.Cochrane
DatabaseSystRev2005;4:CD004822.
19. ChangAB, LassersonTJ,Gaffney J, Connor FL,Garske LA.Gastro-esophageal reflux treatment for
prolongednon-specificcoughinchildrenandadults.CochraneDatabaseSystRev2011;1:CD004823.