วรรณกรรมและงานวิจัยที่ ... · 2018-11-01 ·...
TRANSCRIPT
บทที ่2 วรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
โครงงานเล่มนี้ศึกษาค้นกว่าเกี่ยวกับเรื่อง ซูชิผลไม้ กรณีศึกษา ณ W Bangkok Hotel ผู้จัดท า
ได้ศึกษาข้อมูล ทั้งแนวคิดและทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
2ซูช ิ ผู้ที่กล่าวไว้ ได้ให้ความหมาย 2 ความหมาย ได้แก ่
2.1.1 ข้าวป้ันมีหน้า หรือข้าวปั้นที่ผสมน้ าส้มสาชู มีต้นต ารับมาจากประเทศญี่ปุ่น
2.1.2 ซูชิ หมายถึง การรวมกันระหว่างปลากับข้าว ซูชิมีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยปี
มาแล้วซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่นค าว่า "ซูชิ" นิยมหมายถึง นิงิริซูชิ ที่เป็น
ข้าวมาอัดเป็นก้อนและมีเนื้อปลาวางบนด้านหน้าเท่านั้น
2.2 ซูชิ ในปัจจุบันนั้นมี 7 ชนิดดังต่อไปนี้
2.2.1 นิงิริซูชิ (Nigiri Sushi) เป็นซูชิพบได้บ่อยในภัตตาคาร ซูชิจะมีลักษณะข้าวเป็นก้อน
รูปวงรีแล้ววางเนื้อปลาดิบ ปลาหมึก ฯลฯ ไว้ข้างบน อาจจะใส่วาซาบิเล็กน้อย หรือตกแต่งด้วย
สาหร่ายทะเลก็ได้ ซูชิแบบนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดข้าวปั้นที่กดข้าวเป็นสี่เหลี่ยมมนๆ ด้วยฝ่ามือและมี
อาหารสดวางอยู่ด้านบน มีวาซาบิใส่ไว้นิดหน่อยระหว่างกลาง อาจมีการพันสาหร่ายแผ่นบางๆ ไว้
ด้วย วัตถุดิบที่นิยมน ามาท าก็คือ ปลาดิบ ปลาหมึก ปลาไหล ไข่หวาน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หอย
เม่น หรืออาหารทะเลอื่นๆ
รูปภาพที่ 2.2.1
ท่ีมาของภาพ : https://kitsunejungcream.wordpress.com
5
2.2.2 มากิซูชิ (Maki Sushi) Makizushi หรือ Norimaki หรือ Makimono ซูชิรูปทรงกระบอก
ม้วนยาว ใช้สาหร่ายแผ่นแผ่กว้างใส่ข้าวใส่ผักใส่เนื้อหรือปลาลงไป วางบนแผ่นไม้ไผ่ที่ใช้ห่อซูชิ
แล้วม้วนให้เข้ากัน ตัดให้พอดีค า แบ่งได้ 4 ชนิดดังนี้
- Hosomaki ซูชิทรงกระบอกขนาดเล็กบางๆ ห่อด้วยสาหร่าย ส่วนใหญ่จะมีไส้เพียงอย่าง
เดียว เช่น แตงกวา แครอท ทูน่า เป็นต้น โดยที่ไส้แตงกวา จะเรียกว่า Kappamaki เป็นชื่อที่ได้มาจาก
ปีศาจน้ ากัปปะที่ชื่นชอบการกินแตงกวาเป็นพิเศษ และซูชิชนิดนี้นิยมทานเพื่อล้างปากระหว่างการ
ทานปลาดิบกับอาหารชนิดอื่นๆ เพื่อที่เราจะได้เข้าถึงรสชาติของปลาดิบได้มากขึ้น
- Uramaki ซูชิรูปทรงกระบอกขนาดกลางๆ ใช้ข้าวห่อ สาหร่าย แตงกวา มายองเนส
อะโวคาโด แครอท เนื้อปู ทูน่า ม้วนละโรยด้วยเมล็ดงา
- Gunkan maki ข้าวปั้นรูปไข่ ใช้สาหร่ายพันรอบข้าวและมีอาหารทะเลหรือของสดวางไว้
ข้างบน แต้มวาซาบิไว้ข้างในด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นไข่ปลา ไข่กุ้ง หอยเม่น เป็นต้น
- Temaki เป็นซูชิรูปกรวย ไส้ต่างๆ ห่อด้วยข้าวและสาหร่ายอีกชั้นพันห่อเป็นรูปกรวย ซูชิ
แบบนี้จะนิยมใช้มือรับประทานจะถนัดกว่าใช้ตะเกียบ
รูปภาพที่ 2.2.2
ท่ีมาของภาพ : https://wannida12.wordpress.com
2.2.3 อินะริซูชิ (Inari Sushi) เต้าหู้ทอดแผ่นบางยัดไส้ซูชิเข้าไป มีทั้งข้าว ปลาดิบและผัก
บางที่ก็น าไข่บางๆมาท าเป็นที่ห่อแทนด้วยแต่รสชาติจะหวานกว่า
รูปภาพที่ 2.2.3
ท่ีมาของภาพ : https://matcha-jp.com
6
2.2.4 ชิราชิซูชิ (Chirashi Sushi) เป็นการจัดปลาดิบ ปลาหมึก กุ้ง ผัก ฯลฯ ที่หั่นเป็นชิ้นๆ
วางเรียงบนข้าวในภาชนะต่างๆ ชาวโอซาก้าจะเรียกว่า Gomokuzushi แบบคันไซไม่มีการจัดเรียง
มากมายตักใส่ข้าวลงในชาม โรยด้วยสาหร่ายและผักตามแต่จะชอบแต่ต้องเป็นของที่ไม่หนักท้อง
เท่าไหร่ซูชิชนิดนีใ้นแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน
รูปภาพที่ 2.2.4
ท่ีมาของภาพ : https://cooking.kapook.com
2.2.5 โอชิซูชิ (Oshi Sushi) หรือรูปแบบคันไซจากเมืองโอซาก้า เอาข้าวแล้ววางเนื้อปลาไว้
ด้านบนมาอัดลงในแมพ่มิพ์รูปส่ีเหลี่ยมตามยาวหั่นขนาดพอดีให้รบัประทานเปน็ค าๆ
รูปภาพที่ 2.2.5
ท่ีมาของภาพ : http://maisoonsailamufitdanbenabdulloh.blogspot.com
2.2.6 สุงะตะซูชิ (sugata sushi) ซูชิที่น าปลาทั้งตัวมาล้างและควักเครื่องในออกให้สะอาด มา
หั่นเป็นแว่นๆ แล้วน าไปวางบนข้าว บางแห่งน าหัว และ หางปลาไปยัดไส้ข้าว
รูปภาพที่ 2.2.6 ท่ีมาของภาพ : http://aotoreno.blogspot.com
7
2.2.7 นาเระซชูิ (naresushi) ซูชิที่มีลักษณะคล้ายกับปลาส้ม
รูปภาพที่ 2.2.7
ท่ีมาของภาพ : http://nees11.blogspot.com
2.3 ข้าวโอ๊ต ( Oat ) หมายถึง ธัญพืชชนิดหนึ่ง นิยมบริโภคทั้งคนและสัตว์ เดิมทีเป็นอาหารของสัตว์
ข้าวโอ๊ตปลูกกันมากเฉพาะในเขตยุโรปตอนเหนือที่อากาศค่อนข้างหนาวและมีแสงแดดน้อย
โดยเฉพาะเยอรมันตอนเหนือ กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และรัสเซีย ประโยชน์ของข้าวโอ๊ต ได้แก่
ข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติพิเศษที่ให้พลังงานสูง กิตติศัพท์เสริมพละก าลังของข้าวโอ๊ตก็ยังเป็นที่รู้จักกัน
อย่างกว้างขวาง มีโปรตีนสูงที่สุดและมีกรดอะมิโนที่จ าเป็นต่อร่างกายนอกจากนี้ยังมีคาร์โบไฮเดรต
โปรตีน ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และไฟเบอร์ชนิดที่ไม่ละลายน้ า ไฟโตเคมิคอล สังกะสี วิตามินซี
สารยับยั้งโปรทีเอส กรดนิโคทินิก เป็นต้น ข้าวโอ๊ต สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
รีลโอ๊ต โอ๊ตมีล และ ข้าวโอ๊ตแบบส าเร็จรูป
2.3.1 รีลโอ๊ต (Real Oat) ริลโอ๊ตท ามาจากข้าวโอ๊ตที่นึ่งสุกแล้ว จากนั้นน ามาบดแล้วอบซ้ า
อีกรอบ ลักษณะของรีลโอ๊ตเป็นเกร็ดหยาบๆ คล้ายซีเรียล โดยมักถูกน ามาเป็นส่วนผสมของขนม
อบหรือเอามาผสมกับถั่วและผลไม้สด ที่เรียกว่า ‘กราโนร่า’ ซึ่งเป็นซีเรียลสุดฮิตในปัจจุบันนั่นเอง
2.3.2 โอ๊ตมีล (Oat Meal) อาหารเช้าที่หลายคนคุ้นเคย โอ๊ตมีลได้จากการสับข้าวโอ๊ตให้เป็น
ชิ้นหยาบๆ วิธีการนี้จะยังคงสารอาหารของข้าวไว้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานร า
ข้าวโอ๊ตเพื่อเพิ่มคุณประโยชน์ ส่วนใหญ่แล้วโอ๊ตมีลจะมาในรูปผงหยาบๆ เติมน้ าหรือนมจะได้
ลักษณะคล้ายโจ๊กหรือข้าวต้ม
2.3.3 ข้าวโอ๊ตแบบส าเร็จรูป หรือ instant oat (แต่โจ๊กบางประเภทจะใช้ข้าวสาลี) กรรมวิธี
ในการท าก็เหมือนริลโอ๊ต คือนึ่งให้สุกและน ามาสับ หากแต่ใช้เวลานึ่งนานกว่า นอกจากนั้นจะมี
8
การใส่ผงปรุงรสให้ออกหวานนิดเค็มหน่อย เพื่อให้รับประทานง่าย โดยผู้บริโภคเพิ่งแค่เติมน้ าร้อน
เท่านั้น
ประโยชน์ของข้าวโอ๊ต
- ประโยชน์ของข้าวโอ๊ตช่วยลดปริมาณไขมันไม่ดีหรือ LDL จากข้อมูลทางเภสัชวิทยาระบุว่า
สารอาหารและเส้นใยที่มีในข้าวโอ๊ตเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดและ
ช่วยลดไขมันไม่ดีหรือ LDL ไม่ให้เข้าไปอุดตันตามหลอดเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ดี
นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่พยายามลดปริมาณผู้ป่วยโรคหัวใจ ที่ชอบ
รับประทานมันฝรั่งทอดกรอบ ทางผู้ผลิตจึงลองผสมข้าวโอ๊ตลงไปเพื่อดูประสิทธิภาพในการ
ก าจัดไขมันในเส้นเลือด ผลออกมาว่าคอเลตเตอรอลและไขมัน LDL ในผู้บริโภคมีปริมาณลดลง
กว่าการรับประทานมันฝรั่งทอดกรอบธรรมดา
- ประโยชน์ของข้าวโอ๊ตเพิ่มความเนียนนุ่มให้กับผิวพรรณ ข้าวโอ๊ตอุดมไปด้วยวิตามินอี และกลี
เซอรีนตามธรรมชาติ ซึ่งจะท าให้ผิวคงความอ่อนเยาว์และชุ่มชื่นได้เป็นอย่างดี ยิ่งในช่วงของฤดู
หนาวที่ผิวต้องการการปกป้องมากเป็นพิเศษ จะเห็นได้ว่าข้าวโอ๊ตมักถูกน ามาเป็นส่วนผสมของ
ผลิตภัณฑ์บ ารุงผิวมากมาย ทั้งบอดี้โลชั่น ครีมอาบน้ าและแชมพู ทั้งนี้นอกจากบ ารุงผิวพรรณ
แล้วยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป คงไว้แต่ผิวใหม่ที่สดใสและสุขภาพดี
- ประโยชน์ของข้าวโอ๊ตลดคอเลตเตอรอลในร่างกาย สาระส าคัญในข้าวโอ๊ตคือ ‘เบต้ากลูแคน’
โดยเบต้ากลแูคน เป็นเส้นใยที่ละลายในน้ าได้ คุณสมบัติหลักคือดูซับคอเลตเตอรอลในล าไส้เล็ก
ได้ดี และยังช่วยขับกากออกมาในรูปของอุจาระ นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด
และหลอดเลือดอีกด้วย โดยผลวิจัยจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา
(USFDA) ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า หากได้รับเบต้ากลูแคนในข้าวโอ๊ตอย่างน้อย 3 กรัมต่อวัน
สามารถควบคุมระดับคอเลตเตอรอลในร่างกายได้ดี จึงเหมาะกับผู้ที่อยากจะลดน้ าหนัก
- ประโยชน์ของข้าวโอ๊ตรักษารอยไหม้จากแสงแดด วิตามินบีและอีในข้าวโอ๊ตสามารถช่วยสมาน
แผลได้ดี โดยเฉพาะรอยไหม้จากการเผชิญกับแสงแดดจัด เช่นไปทะเลหรือเล่นสงกรานต์หนักๆ
วิธีการคือน าข้าวโอ๊ตบดมาร่อนให้เป็นแป้งร่วนๆ เทใส่ผ้าข้าวบาง จากนั้นน าไปล้างผ่านน้ า บีบ
ให้แห้งพอหมาดแล้วน ามาประคบบริเวณที่เป็นรอย จะช่วยให้ผิวที่เคยอักเสบค่อยๆ กลับมามี
สุขภาพดีเหมือนเดิม ในกรณีนี้ถ้าหาข้าวโอ๊ตไม่ได้อาจใช้เป็นแป้งข้าวโอ๊ตแทนได้
- ประโยชน์ของข้าวโอ๊ตช่วยป้องกันมะเร็ง เนื่องจากข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติช่วยขับกากอาหารและ
ดูดซับสารพิษอื่นๆ ในร่างกาย จึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันโรคมะเร็งชั้นดี จากการวิจัยของ
American Institute for Cancer
9
Research ระบุว่าผู้ที่รับประทานข้าวโอ๊ตหรือร าข้าวโอ๊ตเป็นประจ ามีโอกาสเป็นมะเร็งล าไส้ มะเร็ง
เต้านมและมะเร็งต่อมลูกมากน้อยกว่าผู้ที่ไม่เคยรับประทานเลย
รูปภาพที่ 2.3
ท่ีมาของภาพ : http://www.motherandcare.in.th/
2.4 แตงโม (water malon) เป็นพืชล้มลุกเป็นเถา อายุสั้น เถาจะเลื้อยไปตามพื้นดิน มีขนอ่อนปก
คลุม ผลมีทั้งทรงกลมและทรงกระบอก เปลือกแข็ง มีทั้งสีเขียวและสีเหลือง บางพันธุ์มีลวดลายบน
เปลือก ในเนื้อมีเมล็ดสีด าแทรกอยู่ พันธุธรรมดา มีเมล็ดขนาดเล็ก รสหวาน
ประโยชน์ของแตงโม
- แตงโมมีสารชนิดหนึ่งคือสาร ซิทรูไลน์ (Citrulline) สารนี้มีประโยชน์
สามารถช่วยขยายหลอดเลือดแดงภายในร่างกายได้ สารนี้จึงเป็นประโยชน์
อย่างมากต่อคนเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวาน เพราะมีแคลลอรี่ต่ ามาก
สามารถพบสารนี้ได้มากที่เปลือกของแตงโม ดังนั้นการกินแตงโมให้ได้
ประโยชน์มากที่สุด จึงควรทานเนื้อแตงโมกับเปลือกขาวๆ ด้วยเล็กน้อย แต่
ก่อนทานต้องไม่ลืมล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อน เพื่อป้องกันสารพิษตกค้าง
ที่บริเวณเปลือก
- แตงโมเป็นผลไม้ที่มีแคลลอรี่ต่ า แตงโม จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน และ
ควบคุมน้ าหนักอย่างมาก ทั้งยังสามารถป้องกันและลดการสะสมของไขมันที่จับอยู่ภายในหลอด
เลือดได้ ในแตงโมยังมี ไลโคปีน (Lycopene) ที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยง
ของการเกิดมะเร็งในส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมไปถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ นอกจากนี้แตงโม
ยังช่วยบ ารุงเส้นผมให้แข็งแรง ช่วยบ ารุงสายตา และสามารถใช้ล้างพิษจากอาหารที่ทานเข้าไป
ก่อนหน้าได้ด้วย ทั้งยังช่วยลดอาการเป็นไข้ คอแห้ง และรักษาแผลในปาก
10
- แตงโมช่วยบ ารุงผิวกายได้ นอกจากเอาแตงโมมาทานเพื่อให้ประโยชน์แก่ร่างกายแล้ว แตงโม
ยังน าไปใช้ในการบ ารุงผิวกายได้ ด้วยการเอาแตงโมมาพอกหน้า หรือใช้ท าทรีทเม้นท์เพื่อบ ารุง
ผิว ท าให้ผิวชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน การพอกหน้าด้วยแตงโมยังช่วยดูดซับความมันบน
ใบหน้า และลดอาการแสบแดงที่เกิดจากผิวไหม้แดดได้อีกด้วย ส่วนวิธีการท าแตงโมพอกหน้า
สามารถท าได้ง่ายๆโดย น าเนื้อแตงโมมาฝานให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วน าเอาไปวางในผ้าขาวบาง
จากนั้นจึงน ามาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นจึงล้างหน้า
ด้วยน้ าสะอาด
- ผู้ป่วยบางโรคไม่ควรทานแตงโมแตงโมเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณมากมาย แต่ก็ผู้ป่วยบางประเภท
ที่ไม่ควรทานแตงโม อันได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ ม้ามไม่แข็งแรง เป็นโรคกระเพาะล าไส้
อักเสบ ผู้หญิงหลังคลอด คนที่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนักๆ ผู้มีอาการท้องเสียท้องร่วง ผู้มี
ปัญหาปัสสาวะบ่อยและมาก เป็นต้น
รูปภาพที่ 2.4
ท่ีมาของภาพ : https://www.assawsana.com
2.5 แคนตาลูป มีลักษณะคล้ายๆ แตงไทย คนไทยจึงเรียกว่า แตงเทศ หรือแตงฝรั่ง หรือแตงไทยฝรั่ง
มีผลกลม ผิวของผลสีเขียว หรือสีน้ าตาลคล้ า หรือสีเหลือง หรือสีขาว ทั้งนี้แล้วแต่พันธุ์ ผิวของผล
หยาบ มีเปลือกแข็ง มีร่องลึกรอบๆ ผล เปลือกมีลายคล้ายร่างแหหรือตาข่ายสีขาว หรือสีฟางแห้ง
คลุมตลอดทั้งผล แต่บางพันธุ์ก็ไม่มี บางพันธุ์มีผิวเรียบๆ เมื่อสุกเนื้อในมีสีส้ม หรือสีจ าปา มีกลิ่น
หอม รสหวาน
ประโยขน์ของแคนตาลูป
- โดยสารอาหารต่างๆ ที่มีอยู่ในแคนตาลูปล้วนมีสรรพคุณทางยามากมาย สามารถควบคุมความดัน
โลหิตให้อยู่ในระดับปกติ มีสารส าคัญในการช่วยต่อต้านมะเร็ง บ ารุงสายตา (ในต่างประเทศมี
ความเชื่อมาแต่โบราณว่า การกินแคนตาลูปจะท าให้สายตาดี มีสติ คิดจะท าสิ่งใดก็ส าเร็จดังหวัง)
และยังมีประโยชน์ต่อหญิงตั้งครรภ์ เพราะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์และช่วยขับ
น้ านมให้คุณแม่หลังคลอด รวมทั้งกลุ่มคนที่ต้องการควบคุมน้ าหนัก เนื่องจากมีกากใยอาหารสูง
แต่แคลอรีต่ านั่นเอง
11
- แคนตาลูปมีประโยชน์บ ารุงผิวพรรณ ไม่ต้องแปลกใจเมื่อกินแคนตาลูปแล้วพบว่า ผิวพรรณดู
สดใสขึ้น ริ้วรอยลดลง นั่นเพราะแคนตาลูปเป็น 1 ใน 10 ของผลไม้ที่มีวิตามินเอและเบต้าแคโรที
นสูงซ่ึงเป็นตัวช่วยส าคัญในการต้านอนุมูลอิสระ
- แคนตาลูปมีสรรพคุณบ ารุงสมอง สารอาหารในแคนตาลูปส่งผลต่อระบบประสาทและสมองให้
ท างานดีขึ้น และมีส่วนส าคัญในเรื่องของการเกิดสมาธ ิ
- ประโยชน์ของแคนตาลูปป้องกันเลือดออกตามไรฟัน เสริมสร้างฟันให้แข็งแรง สุขภาพเหงือกดี
และช่วยในการสร้างกระดูก
- แคนตาลูปมีสรรพคุณช่วยลดการติดเชื้อ เพราะแคนตาลูปช่วยเพิ่มจ านวนเซลล์ของเม็ดเลือดขาว
ในร่างกาย เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดียิ่งขึ้น
- แคนตาลูปมีโพแทสเซียม ซึ่งเป็นผลดีต่อคนเป็นโรคความดันโลหิตสูง เพราะจะช่วยควบคุมความ
ดันโลหิตและการท างานของกล้ามเนื้อด้วย
- แคนตาลูปมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการอักเสบของล าไส้ และอาการท้องไส้ปั่นป่วนเพราะกิน
อาหารไม่ตรงเวลา โดยน้ าตาลและเอนไซม์ในแคนตาลูปจะช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร
- แคนตาลูปมีประโยชน์ช่วยต้านโรคมะเร็ง ในรายงานการวิจัยเกี่ยวกับแคนตาลูปพบว่า หากกินวัน
ละ 100 กรัม จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลงถึงร้อยละ 1.5 เพราะในแคนตาลูปมีสาร
ต้านอนุมูลอิสระสูง
- แคนตาลูปมีสรรพคุณใช้เป็นยาช่วยขับปัสสาวะ อีกทั้งช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดิน
ปัสสาวะ
- แคนตาลูปมีโฟเลต ซึ่งเป็นวิตามินแสนวิเศษที่ช่วยบ ารุงเลือด มีความส าคัญในการช่วยซ่อมแซม
ส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ช่วยบ ารุงหัวใจและป้องกันสมองเสื่อม
รูปภาพท่ี 2.5
ท่ีมาของภาพ : http://halsat.com/
12
2.6 สับปะรด เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นก าเนิดมาจากบริเวณทวีปอเมริกาใต้ ล าต้นมีขนาดสูง
ประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกสามารถปลูกได้ง่ายโดยการฝังกลบหน่อหรือส่วนยอดของผล
ที่เรียกว่า จุก เปลือกของผลสับปะรดภายนอกมีลักษณะคล้ายตาล้อมรอบผล
ประโยชน์ของสับปะรด
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย จากวิตามินซีที่มีอยู่สูงในสับปะรดท าให้ร่างกายติดเชื้อยาก
และต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆได้เป็นอย่างดี
- ช่วยดูแลสุขภาพภายในช่องปากให้แข็งแรง ไม่เป็นโรคต่าง ๆเกี่ยวกับช่องปากหรือโรคเหงือก
- สับปะรดมีวิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะเข้ามาท าลาย
เซลล์ในร่างกาย
- ช่วยบ ารุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใส และช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- วิตามินซีที่มีสูงในสับปะรดยังช่วยบรรเทาและรักษาอาหารหวัด ขับเสมหะในล าคอได้
- ช่วยย่อยอาหารจ าพวกโปรตีน เพราะในสับปะรดมีเอนไซม์ธรรมชาติคือ บรอมีเลนที่ย่อยอาหาร
ได้ทั้งสภาวะกรดและด่าง จึงลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง
- สามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งอัมพฤกษ์ อัมพาต เนื่องจากเอนไซม์บรอ
มีเลนที่มีอยู่ในสับปะรดจะไปช่วยลดการเกาะกันเป็นลิ่มเลือดของเกล็ดเลือด
- เอ็นไซม์บรอมีเลน (Bromelain Enzyme)ยังมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้ออ่อน ๆที่ช่วยท าลายแบคทีเรียที่ไม่
มีประโยชน์ และยังช่วยสมานแผล ลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและล าไส้ได้ด้วย
- ช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง เช่นมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม ฯลฯ โดยบรอมีเลน
จะท าให้เม็ดเลือดขาวหลั่งสารไซโตไคน์ ซึ่งช่วยให้เม็ดเลือดขาวก าจัดเซลล์มะเร็งได้
- หากมีอาการท้องผูก ขับถ่ายไม่สะดวกให้กินสับปะรดหลังอาหารเป็นประจ า จะช่วยท าให้ระบบ
การขับถ่ายดีขึ้นเพราะสับปะรดมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆแต่ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะจะ
ท าให้เกิดอาการท้องเสียได้
- ใยอาหารในสับปะรดมีสรรพคุณไม่เป็นสองรองใครแน่นอน นั่นจึงท าให้เป็นผลไม้ที่ช่วยลด
น้ าหนักได้เป็นอย่างดี และยังท าให้รู้สึกอิ่มเร็วด้วย
- บรรเทาอาการจากโรคเก๊าต์ได้ โดนเอนไซม์บรอมีเลนจะช่วยยับยั้งอาการอักเสบและยังช่วยลด
อาการปวดข้อ ข้ออักเสบ หลังจากการออกก าลังกาย หรือเล่นกีฬาหรือท างานหนัก ๆ
- มีฤทธ์ิช่วยในการขับปัสสาวะ ปัสสาวะไม่ออก แก้ขัดเบา รักษาโรคนิ่ว
- ช่วยเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย จัดเป็นยาบ ารุงก าลังจากธรรมชาติส าหรับ
ผู้ชายที่ดีมาก
13
- นอกจากนี้สับปะรดยังมีประโยชน์ต่อผู้หญิงเช่นกัน เพราะช่วยบรรเทาอาการปวดประจ าเดือน
ขับประจ าเดือนได้ดีขึ้น
- วิตามินบี 1 และวิตามินบี 6 ในสับปะรดแม้จะมีไม่มากแต่มีความจ าเป็นต่อร่างกาย เพราะจะช่วย
ป้องกันอาการเหน็บชา เหนื่อยง่าย ท าให้ระบบประสาทและเม็ดเลือดท างานดีขึ้น ไม่เจ็บป่วยง่าย
- สับปะรดอุดมด้วยแมกนีเซียมและแคลเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อ ท าให้
กระดูกและฟันแข็งแรง
- สับปะรดมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการร้อน กระสับกระส่าย กระหายน้ า ไม่ว่าจะกินแบบสด
หรือปั่นเป็นน้ าสับปะรดดื่มก็ได้เช่นกัน
รูปภาพที่ 2.6
ท่ีมาของภาพ : https://www.innovalaboem.com/หน้าสวยใส-ด้วยสับปะรด/สับปะรด
2.7 เสาวรส เป็นไม้เถาเลื้อย ถิ่นก าเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ บริเวณประเทศบราซิล ปารากวัย
อาร์เจนตินา ผลเป็นรูปกลม ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกมีหลายสีแล้วแต่พันธุ์ ทั้งสีม่วง เหลือง ส้ม ชั้นใน
สุดของเปลือกเป็นเยื่อสีขาวที่เรียกรสภายในมีเมล็ดสีด าจ านวนมาก อยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดเป็นถุงกลิ่น
คล้ายฝรั่งสุก รสเปร้ียวจัด มีรสอมหวานเสาวรส จริง ๆ แล้วถูกเรียกในหลายชื่อ ทั้งเสาวรส กะทกรก
หรือภาษาอังกฤษที่เรียกกันว่า แพสชั่นฟรุต (Passion fruit) ลักษณะต้นของเสาวรสเป็นไม้เถา ใบ
เป็นใบเดี่ยว มีขอบหยัก ส่วนลูกเสาวรสนั้นมีลักษณะเป็นรูปไข่
ผลอาจมีสีม่วง สีเหลือง สีส้มอมน้ าตาล แล้วแต่สายพันธุ์ โดยด้านในผลเสาวรสจะประกอบไปด้วย
เนื้อและเมล็ดเสาวรสจ านวนมาก ส่วนรสชาติก็มีทั้งเปรี้ยวจัดและเปรี้ยวอมหวาน ขึ้นอยู่กับแต่ละ
สายพันธุ์เช่นเดียวกัน
ประโยชน์เสาวรส
- เสาวรสอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุ วิตามิน และไฟเบอร์ ในขณะที่เสาวรส 100 กรัม
ให้พลังงานเพียงแค่ 97 แคลอรีเท่านั้น
14
- เสาวรสดีต่อการขับถ่าย ด้วยความที่มีไฟเบอร์สูง จึงสามารถช่วยขจัด
คอเลสเตอรอลในร่างกายได้ อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษในล าไส้ ป้องกันโรคมะเร็งล าไส้ไปได้ในตัว
- ห่างไกลจากไข้หวัด เพราะเสาวรส 100 กรัม พกวิตามินซีมาด้วยถึง 30 มิลลิกรัม การันตีได้ว่า กิน
เสาวรสเป็นประจ าแล้วจะห่างไกลจากไข้หวัด แถมมีภูมิคุ้มกันโรคท่ีแข็งแรงแน่นอน
- บ ารุงสายตาได้ดีเยี่ยม เพราะไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยวิตามินเอเท่านั้น เสาวรสยังพ่วงสารฟลาโว
นอยด์อย่างเบต้าแคโรทีนและคริบโทแซนทินเบต้า (cryptoxanthin-ß) ซึ่งผ่านการศึกษามาแล้วว่า
สารเหล่านี้มีคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ ควบคู่ไปกับวิตามินเอที่ช่วยบ ารุงสายตาได้เป็น
อย่างดี
- บ ารุงหัวใจและความดันโลหิต เพราะเสาวรสอุดมไปด้วยโพแทสเซียมถึง 384 มิลลิกรัมต่อ
เสาวรส 100 กรัม ซึ่งโพแทสเซียมมีความส าคัญต่อเซลล์และของเหลวในร่างกายของเรา รวมทั้ง
ช่วยควบคุมการท างานของหัวใจและความดันโลหิตให้เป็นปกติได้ด้วย
- ป้องกันมะเร็งปอดและมะเร็งช่องปาก ผลไม้ที่อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์และวิตามินเอมีส่วน
ช่วยป้องกันความเสี่ยงมะเร็งทั้ง 2 ชนิดนี้ได้
รูปภาพที่ 2.7
ท่ีมาของภาพ : https://health.kapook.com/view124184.html
2.8 สตรอเบอร์รี ( strawberry) เป็นสกุลไม้ดอกในวงศ์กุหลาบ ผลสามารถรับประทานได้ นิยม
ปลูกมากในปัจจุบันก็คือสตรอเบอร์รีสวนผลของสตรอเบอร์รีมีรสชาติหลากหลายขึ้นอยู่กับสาย
พันธุ์ มีตั้งแต่รสหวานจนถึงเปรี้ยว สตรอเบอร์รีเป็นผลไม้ทางการค้าที่ส าคัญ มีปลูกกันเป็นวงกว้าง
หลายสภาพอากาศทั่วโลก สตรอเบอร์รี ผลไม้สีสันสดใส เต็มไปด้วยวิตามินซีในปริมาณสูง ซึ่ง สต
รอเบอร์รีสด 100 กรัม จะมีวิตามินมากถึง 58 มิลลิกรัม อีกทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกหลาย
ชนิด ไม่ว่าจะเป็น เคอซิติน เคมเพอรอล หรือแอนโทไซยานิน ซึ่งสารดังกล่าวมีส่วนช่วยในการ
ยับยั้งสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ได้ และเมื่อน าสตรอว์เบอร์รีมาเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นก็พบว่า มีสารต้าน
15
อนุมูลอิสระมากกว่าส้มถึงหนึ่งเท่าครึ่ง มากกว่า กีวี 3 เท่า มากกว่า องุ่นแดง 2 เท่า มากกว่า มะเขือ
เทศ 7 เท่า มากกว่า ลูกแพร 15 เท่า และมากกว่า กล้วยหอม 7 เท่า
ประโยชน์สตรอเบอร์รี ่
- การต่อต้านอนุมูลอิสระสตรอเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก มี
สารประกอบที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่ถึง 3ชนิด คือเคอซิติน เคมเพอรอล และเอนโท
ไซยานิน และมีอัตราการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าส้มถึง 1.5 เท่า และเมื่อเทียบกับผลไม้
จ าพวกกล้วยหอม หรือมะเขือเทศแล้ว อัตราการต่อต้านอนุมูลอิสระของสตรอเบอร์รีมีสูงการถึง
7 เท่า
- สตรอเบอร์รีมีวิตามินซีสูงสตรอเบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินซีสูงมาก ในปริมาณ 100
กรัมนั้น มีวิตามินซีสูงถึง 58 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ไม่ว่าจะเป็น
การเสริมภูมิคุ้มกัน หรือแม้แต่ช่วยในการสร้างคอลลาเจน
- ขจัดสารที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง ในสตรอเบอร์รีนั้นมีกรดเอลลาจิก ที่สามารถช่วยขจัดสาร
คาร์ซิโนเจนซึ่งเป็นสารที่เป็นหนึ่งใน สาเหตุการเกิดมะเร็ง หากกินสตรอเบอร์รีทุกวัน
เซลล์มะเร็ง และเนื้องอกจะไม่มาให้เห็น เพราะสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี โฟเลต และ
แอนโธไชยานินส์ ที่อยู่มากมายในสตรอเบอร์รีลูกสวยๆ
- ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อต่างๆ เช่นโรคเกาต์ โรคข้ออักเสบ โรค
จ าพวกหวัดหรือภูมิแพ้ รวมถึงมีฤทธิ์ในการบรรเทา โรคตับอักเสบ รวมถึงรักษาโรคนิ่งในไต
สตรอเบอร์รีมีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันโรคหวัด ช่วยลดอาการภูมิแพ้ และโรคช่องปากที่เกิด
จากการขาดวิตามินซีได้เป็นอย่างดี
- สตรอเบอร์รีช่วยบ ารุงสายตา สตรอเบอร์รีมีวิตามินเอสูงช่วยในการบ ารุงสายตาช่วยป้องกันโรค
ต้อกระจก ลดอัตราการเสื่อมของจอประสาทตา เพราะปัญหาดวงตามักเกิดจากอนุมูลอิสระ การ
ขาดสารอาหารบางชนิด และกล้ามเนื้อดวงตาเสื่อมสภาพเมื่อมีอายุมากขึ้น แต่สตรอเบอร์รี่มีสาร
ต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก จึงช่วยชะลอ
กระบวนการดังกล่าวได้ อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมช่วยปรับความดันในตาให้เป็นปกติ
- ช่วยในการรักษาหลอดเลือด ผลไม้ชนิดนี้มีใยอาหารที่สูงมากจึงมีส่วนช่วยลดไขมันที่จะไปอุด
ตันในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณไขมันที่ดีซึ่งจะช่วยลดไขมันที่จะอุดตันใน
หลอดเลือด สตรอเบอรี่มีใยอาหาร โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระจ านวนมาก จึงช่วยลดระดับ
คอเลสเตอรอลในร่างกาย อีกทั้งยังมีวิตามินบีบางชนิดที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงได้
16
- สตรอเบอร์รีช่วยบ ารุงระบบขับถ่าย เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง จึงช่วยให้ระบบ
ขับถ่ายท างานเป็นปกติ และมีประสิทธิภาพ มีสรรพคุณทางยาเป็นยาระบายอ่อนๆ เป็นยาขับ
ปัสสาวะ และช่วยแก้อาการท้องร่วงได้ เพราะสตรอเบอร์รีมีวิตามินซีและธาตุเหล็กอยู่มาก
- สตรอเบอร์รีเหมาะแก่การลดน้ าหนัก เนื่องจากสตรอเบอร์รีเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ า ไม่มี
คอเรสเตอรอล อีกทั้งมีไฟเบอร์สูง จึงเหมาะมากส าหรับผู้ที่ต้องการลดน้ าหนัก ดังนั้นสาวๆจึงไม่
ควรพลาดสตรอเบอร์รีเป็นผลไม้ประจ ามื้ออาหารเป็นอันขาด
- สตรอเบอร์รีช่วยบ ารุงผิวพรรณสตรอเบอร์รีมีวิตามินมากมายโดยเฉพาะวิตามินซีและสาร
ต้านนุมูลอิสระ จึงสามารถช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ช่วยชะลอวัย และป้องกันการเสื่อมสภาพ
ของผิว ท าให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งได้
- ป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ โรคข้ออักเสบและโรคเกาต์เกิดจากกล้ามเนื้อถูกใช้งาน
นานเข้าตามอายุ และเกิดการถดถอย จนของเหลวบริเวณข้อต่อกระดูกเหือดแห้งลงไป ร่างกายก็
สะสมสารพิษอย่างกรดยูริกมากขึ้น ๆ จนท าให้เกิดโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ในที่สุด แต่สตรอ
เบอร์รีชว่ยได้ เพราะเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และสรรพคุณล้างพิษของสตรอเบอร์รี
- สตรอเบอร์รีช่วยบ ารุงสมอง เมื่ออายุมากขึ้นเนื้อเยื่อและเส้นประสาทในสมองมัก
เสื่อมสภาพลงจากอนุมูลอิสระ แต่ สตรอเบอร์รีช่วยได้ เพราะวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ ท า
ให้อนุมูลอิสระหายไปพร้อมกับคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ระบบประสาท นอกจากนี้ในสตรอเบอ
รี่ยังมีไอโอดีนท าให้สมองและระบบประสาทท างานได้ดีขึ้น
รูปภาพที่ 2.8
ท่ีมาของภาพ : http://www.siamsoap.net/
2.9 มะม่วงน ้าดอกไม้ (Nam Dok Mai) เป็นมะม่วงที่นิยมรับประทานสุก ทั้งในประเทศ และ
ต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เนื่องจาก ผลสุกมีสีเหลืองทอง สวยงาม เนื้อมีสีเหลืองอมครีม
17
เนื้อแน่นปานกลาง มีความนุ่ม และรสหวาน นิยมรับประทานเป็นผลไม้สุกหรือใช้ท าขนมหวาน
อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ไอศกรีม และแยม เป็นต้น
ประโยชน์มะม่วงน ้าดอกไม ้
- ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต มะม่วงเป็นผลไม้ที่สามารถลดระดับความดันโลหิตได้ เพราะ
ในมะม่วงมีสารอาหารที่ส าคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่ างโพแทสเซียมและ
แมกนีเซียม ท าให้ระดับความดันโลหิตถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ นอกจากนี้มะม่วงยังมี
วิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศอีกด้วย
- ป้องกันโรคมะเร็ง สารประกอบฟีนอล ที่พบในมะม่วงอย่างเช่น เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเค
วอซิทริน (isoquercitrin) แอสตรากาลิน (astragalin) มีฤทธ์ิเป็นสารต้านนอนมุูลอิสระที่ท าหน้าที่
ในการตอต้านการเกิดโรคมะเร็ง
- ช่วยให้ระบบย่อยอาหารท างานดีขึ้น ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารขอแนะน าให้
รับประทานมะม่วง เพราะในมะม่วงนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการดูดซึม
ของร่างกาย ขณะที่ไฟเบอร์ในมะม่วงก็สามารถช่วยในการย่อยอาหารได้
- ป้องกันโรคหัวใจ วิตามินเอและวิตามินอีในมะม่วงรวมทั้งซีลีเนียม (Selenium) สามารถช่วย
ป้องกันโรคหัวใจได้ ไม่เพียงเท่านั้นในมะม่วงยังมีวิตามินบี 6 ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจด้วยการ
ลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) เพราะเจ้าโฮโมซิสเตอีนนี่เป็นกรดอะมิโนที่สามารถ
สร้างความเสียหายให้กับผนังหลอดเลือดได้ อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย เพคตินและวิตามินซีในมะม่วงเป็นพระเอกที่
ขาดไม่ได้เลย เพราะสารอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ ไม่ดีใน
ร่างกายได้ แต่ทั้งนี้ผู้ที่ป่วยด้วยโรคไข่มันในเลือดสูงควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนจะรับประทาน
- บ ารุงสมองวิตามินบี 6 ในมะม่วงนอกจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจแล้ว ก็ยังช่วยป้องกันและ
สร้างเสริมการท างานของสมอง เพราะเจ้าวิตามินบี 6 นี้มีส่วนส าคัญในการท างานของสารสื่อ
ประสาทที่มีส่วนช่วยในการก าหนดอารมณ์และรูปแบบในการนอนหลับ การเติมมะม่วงลงไป
ในอาหารจะช่วยให้ร่างกายได้รับกลูตาไมน์ (Glutamine) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้สมองสามารถ
จดจ าและมีสมาดีขึ้น และยังท าให้เซลล์สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
- รักษาโรคเบาหวานโรคเบาหวาน วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุดคือการไม่รับประทานของหวาน ซึ่ง
มะม่วงก็เป็นผลไม้ที่มีน้ าตาลสูงแต่ขอบอกไว้เลยว่ามะม่วงช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ เพียงแค่
น าใบมะม่วง 10-15 ใบแช่ลงในน้ าอุ่นและปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นในตอนเช้าน าน้ านี้
มาดื่มในขณะที่ท้องว่าง จะสามารถช่วยลดปริมาณน้ าตาลในเลือดได้ วิธีนี้สามารถรับประทาน
18
ได้ทั้งคนที่เป็นเบาหวานหรือไม่เป็นก็ได้หากผู้ที่มีสุขภาพปกติดื่มน้ าแช่ใบมะม่วงก็จะยิ่งช่วย
ป้องกันโรคเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น
- บ ารุงสายตา มะม่วงมีวิตามินเอสูง ดังนั้นจึงช่วยบ ารุงสายตาให้ยังใสปิ๊งปั๊ง อยู่ เสมอ
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องการการเสื่อมของจอประสาทตาเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วยค่ะ
- บ ารุงผิวพรรณ การรับประทานมะม่วงท าให้เราได้รับวิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นการใหลเวียน
ของเลือดในเนื้อเยื่อและผิวหนัง ช่วยให้การอุดตันของรูขุมขนลดลงส่งผลให้ผิวพรรณเรียบ
เนียนได้
รูปภาพที่ 2.9
ท่ีมาของภาพ : http://www.atgardendelivery.com/
2.10 กีวี เป็นพืชที่มีถิ่นก าเนิดในประเทศจีน กีวีเป็นไม้เลื้อย กิ่งและใบมีขนปกคลุม สีน้ าตาล
แดง ใบเดี่ยว ดอกแยกเพศและแยกต้นกัน ดอกสีขาว ผลรีรูปไข่ มีขนเล็กๆปกคลุมทั่วผล เนื้อสี
เขียว บางพันธุ์เนื้อสีเหลือง ชุ่มน้ า รสเปรี้ยวอมหวาน
ประโยชน์ของกีว ี
- นอกจากกีวีสีเขียวที่เราคุ้นเคยยังมีกีวีโกลด์หรือกีวีสีทองให้เลือกบริโภค กีวีทั้ง
สองชนิดมีปริมาณวิตามินซีสูงสุดหากเทียบกับผลไม้ขึ้นชื่อเรื่องวิตามินซี อาทิ ส้ม หรือมะละกอ
จากการวิจัยพบว่ากีวีหนึ่งผล มีวิตามินซีมากกว่าส้มหนึ่งลูกถึง 74% การรับประทานกีวีสองผล
ต่อวันจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ช่วยกระตุ้นการท างานของ
ภูมิคุ้มกันโรคซึ่งเป็นเกราะธรรมชาติที่ช่วยป้องกัน ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ และซ่อมแซม
ร่างกายและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ๆ
- สุดยอดคุณค่าวิตามินอี วิตามินอีได้รับการขนานนามว่าช่วยชะลอความแก่ชรา ด้วยสาร
ต้านอนุมูลอิสระที่ลดความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ คุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของ
วิตามินอี นอกจากจะช่วยป้องกันเซลล์จากการเสื่อมสภาพแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
19
และช่วยในการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย จากการวิจัยพบว่ากีวีมีปริมาณวิตามินอีสูงสุด
โดยเฉพาะกีวีทองซึ่งมีวิตามินอีมากกว่ามะม่วงถึงหนึ่งเท่า
- เต็มที่ด้วยพลังไฟเบอร์ ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานในร่างกาย แต่เข้าไป
ยึดพื้นที่ในระบบทางเดินอาหารท าให้อิ่มได้เร็วและนาน นอกจากนี้ยังช่วยช าระล้างและ
ปรับปรุงระบบย่อยอาหารรวมถึงส่งเสริมให้หัวใจและร่างกายแข็งแรง กีวีเขียวหนึ่งผลมีปริมาณ
ไฟเบอร์มากกว่ากล้วย 15% และมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25%
รูปภาพที่ 2.10
ท่ีมาของภาพ : http://www.bodycare108.com/
20